ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 3 พ.ย. 64
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนเข้าร่วมการประชุมด้านสุขภาพผู้สูงวัย ครั้งที่ 3 ของหอการค้าสหรัฐฯ ในไต้หวัน” (2021 AmCham Taiwan Healthy Aging Forum) พร้อมหวังว่า หอการค้าสหรัฐฯ ในไต้หวัน จะร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ สนับสนุนการทำข้อข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ โดยชี้ว่า สามารถอาศัยการจัดตั้งระบบกลไกเหล่านี้ เพื่อส่งเสริมค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น
รองปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ก่อนอื่นต้องขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ทำเนียบประธานาธิบดี และขอบคุณหอการค้าสหรัฐฯ ในไต้หวันที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ที่มีความสำคัญ ซึ่งนอกจากจะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าแบบทวิภาคีระหว่างสองฝ่ายแล้ว หอการค้าฯ ยังได้ทำการจัดการประชุมในประเด็นทางสังคมต่างๆ ของไต้หวัน โดยการประชุมในครั้งนี้ ทางหอการค้าฯ ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ 2 จากทั้งสองประเทศมาเข้าร่วม “การประชุมสัมมนาด้านสุขภาพผู้สูงวัย ครั้งที่ 3” ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 24 พ.ย. นี้ด้วย
รองปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า การช่วยให้ประชาชนมีอายุยืนและมีสุขภาพที่ดี ถือเป็นประเด็นที่สำคัญยิ่ง พร้อมคาดหวังว่า “การประชุมสัมมนาด้านสุขภาพผู้สูงวัย” จะบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดี ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่รัฐบาลในการนำไปปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
โดยรองปธน.ไล่ฯ ยังได้ขอบคุณหอการค้าสหรัฐฯ ในไต้หวัน ที่ได้นำเสนอข้อมูลสถานการณ์อุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของไต้หวัน รวมถึงสังคมประชาธิปไตยของไต้หวันให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับทราบ เพื่อช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ มีความเข้าใจและความสนับสนุนไต้หวันต่อไป
รองปธน.ไล่ฯ ชี้อีกว่า เพื่อเสริมสร้างกลไกการค้าแบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ให้มีความครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ตนหวังว่าหอการค้าสหรัฐฯ ในไต้หวัน จะร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลและรัฐสภาสหรัฐฯ สนับสนุนการทำข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนไต้หวันในการเข้าร่วมกลุ่ม “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) พร้อมนี้ รองปธน.ไล่ฯ ยังได้ระบุว่า เราสามารถอาศัยการจัดตั้งกลไกเหล่านี้ ในการส่งเสริมให้เกิดการเติบโตทางการค้าแบบทวิภาคีได้
นอกจากนี้ ไต้หวันมีกำหนดการที่จะจัดให้มีการออกเสียงประชามติในวันที่ 18 ธ.ค. นี้ ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำหรับการลงคะแนนเสียงประชามติในครั้งนี้ คือการห้ามนำเข้าเนื้อหมูที่มีสารแรคโตพามีน (Ractopamine) ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงและให้ข้อมูลที่ถูกต้องให้กับประชาชน
เมื่อกล่าวถึงผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 รองปธน.ไล่ฯ เห็นว่า ทั่วโลกควรต้องประสานความร่วมมือกันในการสกัดกั้นโรคระบาด ซึ่งนี่ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพของผู้ป่วยโควิด – 19 เท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัวและสังคม รวมไปถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนในสังคมโลกอีกด้วย
โดยคณะตัวแทนที่เข้าเยี่ยมชมทำเนียบปธน.พร้อมเข้าพบปะกับรองปธน.ไล่ฯ ในครั้งนี้ นำโดย Mr. Andrew Wylegala ประธานคณะกรรมการบริหารของหอการค้าสหรัฐฯ