ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่ฯ ร่วมกล่าวปราศรัยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (UNFCCC COP 26) ผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้า
2021-11-08
New Southbound Policy。ปธน.ไช่ฯ ร่วมกล่าวปราศรัยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (UNFCCC COP 26) ผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้า (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไช่ฯ ร่วมกล่าวปราศรัยในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (UNFCCC COP 26) ผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้า (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 7 พ.ย. 64
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 (UNFCCC COP 26) ผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้า โดยปธน.ไช่ฯ ได้กล่าวในการปราศรัยว่า ไม่มีประเทศใดที่สามารถเผชิญหน้ากับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกได้เพียงลำพัง ไต้หวันควรได้รับโอกาสในการเข้ามีส่วนร่วมในแผนปฏิบัติการด้านการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศระดับนานาชาติ พร้อมกล่าวยืนยันว่า ไต้หวันมีความยินดีและความสามารถในการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติ เพื่อร่วมกันบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050 ตลอดจนสร้างหลักปประกันให้ทั่วโลกมีสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนต่อไปในอนาคต
 
นับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา รัฐบาลไต้หวันเร่งดำเนินการผลักดันโครงการยกระดับด้านพลังงานอย่างเต็มที่ โดยได้ร่างแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการยกระดับ พร้อมก้าวสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
 
นอกจากนี้ รัฐบาลไต้หวันยังได้ประสานความร่วมมือกับภาคเอกชนในการร่วมพัฒนาพลังงานสีเขียว ตลอดระยะเวลา 5 ปีกว่าที่ผ่านมานี้ กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ของไต้หวัน มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 450% โดยฟาร์มกังหันลมแห่งแรกของไต้หวันก็ได้เปิดดำเนินการแล้วอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2019
 
ปธน.ไช่ฯ ขอใช้โอกาสนี้ในการยืนยันอีกครั้งว่า ไต้หวันมีความยินดีและมีความสามารถในการประสานความร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติ เพื่อเร่งดำเนินการในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050
 
ด้วยเหตุนี้ ไต้หวันจึงมีความจำเป็นในการเข้ามีส่วนร่วมในแผนปฏิบัติการด้านการรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศนานาชาติ เนื่องจากไม่มีประเทศใดที่สามารถเผชิญหน้ากับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลกได้เพียงลำพัง มีเพียงการผนึกกำลังอย่างสามัคคีเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างหลักประกันด้านสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืนให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต
 
การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 31 ต.ค. – 12 พ.ย. ณ เมืองกลาสโกว์ ของสหราชอาณาจักร โดยไต้หวันได้ทำการจัด “กิจกรรมวันแห่งไต้หวัน” ขึ้นในพื้นที่จัดการประชุม เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อถ่ายทอดให้ประชาคมโลกเห็นว่า ไต้หวันยินดีที่จะประสานความร่วมมือกับพันธมิตรนานาชาติในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตลอดจนมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050