ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 18 พ.ย. 64
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 18 พ.ย. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางไปยังฐานทัพอากาศที่ตั้งอยู่ในเมืองเจียอี้ เพื่อเข้าร่วม “พิธีประจำการเครื่องบินรบ F-16V รุ่น BLK20 ที่ได้รับการยกระดับสมรรถนะและติดตั้งอุปกรณ์เสริม” พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้กล่าวปราศรัยว่า การยกระดับสมรรถนะและการติดตั้งอุปกรณ์เสริมของเครื่องบินรบ F-16V ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ที่ได้รับการพัฒนาไปสู่อีกระดับ รวมไปถึงการยกระดับเทคโนโลยีการบินและอวกาศของไต้หวัน ตลอดจนเป็นการเสริมสร้างแสนยานุภาพด้านกลาโหมให้เกิดความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
การกล่าวปราศรัยของปธน.ไช่ฯ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
การที่เหล่าพี่น้องทหารในกองทัพอากาศของไต้หวันต่างร่วมทำหน้าที่ปกป้องความมั่นคงปลอดภัยในน่านฟ้าให้แก่ประชาชนในประเทศอย่างหามรุ่งหามค่ำ ทำให้ข้าพเจ้าและประชาชนทุกหมู่เหล่ารู้สึกอุ่นใจ พวกเราทุกคนทราบดีว่า ไม่ว่าจะเกิดภัยคุกคามใดๆ ทหารทุกนายพร้อมที่จะนำเครื่องบินรบทะยานขึ้นสู่น่านฟ้าเพื่อขับไล่ผู้รุกรานในทันที แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องประเทศของไต้หวันอย่างหนักแน่น
การติดตั้งอุปกรณ์เสริมของเครื่องบินรบในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกองทัพอากาศแล้ว ยังเปี่ยมด้วยนัยยะพิเศษ 3 ประการ ดังนี้
ประการแรก มิตรภาพระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ มีพัฒนาการที่รุดหน้ามากยิ่งขึ้น
การยกระดับสมรรถนะของเครื่องบินรบ F-16V ในครั้งนี้ ทั้งกองทัพอากาศ บริษัท Aerospace Industrial Development Corporation และบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) ต่างมีส่วนเข้าร่วม โดยในระหว่างนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยีหรือการยื่นขอหนังสืออนุมัติ ทางทีมงานของล็อกฮีด มาร์ตินได้ให้ความช่วยเหลือแก่พวกเราอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เกิดความราบรื่นในการยกระดับสมรรถนะของเครื่องบินรบในครั้งนี้
ความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมกลาโหมระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ก้าวหน้าในด้านความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ยังแสดงให้เห็นถึงพันธกิจอันแน่วแน่ของความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ปธน.ไช่ฯ เชื่อมั่นว่า มีเพียงการยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพเท่านั้น จึงจะสามารถส่งผลให้ประเทศประชาธิปไตยที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ยืนอยู่เคียงข้างพวกเราได้
ประการที่ 2 คือ การยกระดับเทคโนโลยีการบินและอวกาศ
อุตสาหกรรมกลาโหมที่สามารถพึ่งพาตนเองได้เป็นนโยบายที่สำคัญของพวกเรา โดยพวกเราคาดหวังที่จะเสริมสร้างแสนยานุภาพด้านกลาโหม ควบคู่ไปกับการบ่มเพาะบุคลากรภายในประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพของอุตสาหกรรม ตั้งแต่การบินทดสอบครั้งแรกของเครื่องบินฝึกไอพ่นสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ T-5 Brave Eagle (หรือ หย่งอิง (勇鷹) แปลว่า เหยี่ยวที่กล้าหาญ) ไปจนถึงการเปิดป้ายศูนย์ซ่อมบำรุง F-16 มาจนถึงการติดตั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อยกระดับสมรรถนะในครั้งนี้ แต่ละขั้นตอนของพัฒนาการในช่วงที่ผ่านมา ล้วนแสดงให้เห็นถึงการยกระดับอย่างต่อเนื่องของเทคโนโลยีการบินและอวกาศ ซึ่งได้รับการยอมรับจากนานาชาติ
ประการที่ 3 คือ แสนยานุภาพด้านกลาโหม มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
เครื่องบินรบ F-16V เปี่ยมด้วยสมรรถนะขั้นสูง ถือเป็นฝูงบินรบสำคัญของหลายประเทศ การติดตั้งอุปกรณ์เสริมของเครื่องบินรบ F-16V ในครั้งนี้ เป็นการเสริมสร้างศักยภาพด้านการติดตามอย่างไร้ร่องรอย การตรวจการณ์สอดส่องในระยะไกล การโจมตีเป้าหมายจากระยะนอกสายตา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการยกระดับสมรรถนะให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะสามารถรับมือกับสงครามรูปแบบใหม่ในปัจจุบัน ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ข้าพเจ้าขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณนักบินที่เข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดิน ทุกคนต่างมุ่งมั่นในการฝึกอบรมและเตรียมพร้อมในการติดตั้งอุปกรณ์เสริมสมรรถนะอย่างเต็มกำลัง นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้ขอบคุณบริษัท Aerospace Industrial Development Corporation และบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน ที่เข้าร่วมในภารกิจครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้เครื่องบินรบของเราเปี่ยมด้วยสมรรถนะที่ดีเยี่ยมมากยิ่งขึ้น เพื่อพร้อมรับมือในการปกป้องประเทศต่อไป
ท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอขอบคุณครอบครัวของเหล่าพี่น้องทหาร การสนับสนุนของพวกท่านทุกคน เป็นพลังในการผลักดันให้กองทัพก้าวไปข้างหน้า และในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จะขอเป็นพลังสนับสนุนที่สำคัญที่สุดของกองทัพ และคาดหวังที่เห็นพวกเราก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญ เพื่อธำรงรักษาประเทศชาติของเราให้คงอยู่สืบไป