ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 1 ม.ค. 65
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าว “สุนทรพจน์เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2022” ณ ทำเนียบประธานาธิบดี หลังเสร็จสิ้นการเข้าร่วม “พิธีเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสาหน้าทำเนียบปธน. เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2022” โดยปธน.ไช่ฯ ได้ประกาศนโยบายการพัฒนาประเทศ ปี 2022 รวม 4 ทิศทางหลัก ประกอบด้วย “มุ่งหน้าสู่ประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง” “รักษาศักยภาพด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจ” “เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลไกในระบบสวัสดิการสังคม” และ “ธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศ” นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้เน้นย้ำว่า คำขวัญในปีนี้คือ “ไต้หวันที่เปี่ยมด้วยความยืดหยุ่น พร้อมก้าวไปข้างหน้าร่วมกับประชาคมโลก” (2022 Resilient Taiwan , One with the World) โดยในปีนี้พวกเราจะยังคงมุ่งมั่นในการก้าวข้ามอุปสรรคนานาประการ พร้อมเดินไปข้างหน้าด้วยความสามัคคีและความพยายามร่วมกันของประชาชนชาวไต้หวัน
ตลอดปีที่ผ่านมานี้ นับเป็นปีสุดพิเศษของไต้หวัน เนื่องจากพวกเราได้ก้าวผ่านความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ที่แพร่ระบาดภายในประเทศมาเป็นเวลานานหลายเดือน พร้อมทั้งร่วมก้าวผ่านการลงประชามติใน 4 ประเด็นหลักในช่วงที่ผ่านมา
เมื่อปีที่แล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อหัว (GDP Per Capita) ของไต้หวัน มีมูลค่าทะลุยอด 30,000 เหรียญสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ก็ได้คาดการณ์ว่า ไต้หวันจะกลับสู่การเป็นเขตเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็น 20 อันดับแรกของโลกในปีหน้านี้
โดยนอกจากรัฐบาลจะเร่งผลักดันนโยบายมุ่งใต้ใหม่อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - กลุ่มประเทศนโยบายมุ่งใต้ใหม่ในเชิงลึกอีกด้วย พวกเราคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การประชุมเจรจาระหว่างไต้หวัน-สหรัฐฯ ภายใต้กรอบความตกลงทางการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Framework Agreement, TIFA) จะดำเนินไปในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น เพื่อวางรากฐานที่ดีในการเปิดการเจรจาว่าด้วยความตกลงการค้าเสรี (FTA) ต่อไปในภายภาคหน้า
นอกจากนี้ รัฐบาลไต้หวันจะยังเร่งขอเสียงสนับสนุนจากประเทศสมาชิกใน “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งยื่นเสนอแผนปฏิบัติการการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างยุโรป - เอเชีย” (Connectivity and EU – Asia relations) เพื่อกระตุ้นการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน – กลุ่มประเทศในภูมิภาคยุโรป ให้เกิดความแนบแน่นยิ่งๆ ขึ้นไป
ปัจจุบัน ไต้หวันถือเป็นประเทศผู้นำทางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในระดับโลก ในอนาคต ไต้หวันจะมีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมประเภทนี้ เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นความต้องการชิปวงจรรวมในอุตสาหกรรมด้านต่างๆ อาทิ การแก้ปัญหาเมืองอัจฉริยะ การจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสีเขียว หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ต่างก็ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนอะไหล่จากไต้หวันด้วยกันทั้งสิ้น
ในอนาคต พวกเราจะเร่งเสริมสร้างอิทธิพลและศักยภาพในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมของไต้หวันอย่างต่อเนื่อง โดยเราจะเร่งพัฒนาผลักดันการเปลี่ยนผ่านของพลังงาน และจะเสนอแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อให้การยกระดับและเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจในภาพรวม มีความเป็นไปได้มากขึ้น
สำหรับในปี 2022 นี้ นอกจากจะมีการเร่งวางแผนโครงการก่อสร้างเคหะชุมชนแล้ว ยังจะผลักดันโครงการการเปลี่ยนที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุ และโครงการยกระดับธุรกิจโรงแรมไปพร้อมกันด้วย
เพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของกลไกระบบสวัสดิการสังคม พวกเราจะจัดเพิ่มบุคลากรในหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ และผู้เชี่ยวชาญในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยในปีนี้จะจัดเพิ่มอีกเป็นจำนวนมากกว่า 5,000 คน
นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา จำนวนโรงเรียนอนุบาลของรัฐ องค์กรแบบไม่แสวงหากำไร และโรงเรียนอนุบาลที่เตรียมยกระดับเป็นโรงเรียนของรัฐ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ในปัจจุบัน การจับฉลากเพื่อได้รับสิทธิ์ในการส่งบุตรเข้าศึกษาในสถานศึกษาระดับชั้นปฐมวัย ได้รับการยกระดับขึ้นเป็นร้อยละ 60 ซึ่งกลุ่มผู้ปกครองสามารถส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษาในสถานศึกษาระดับปฐมวัยที่มีคุณภาพในราคาที่ประชาชนทุกชนชั้นสามารถเอื้อมถึงได้
นอกจากนี้ พวกเราจะดำเนินการพิจารณา จัดเพิ่มงบประมาณและเสริมสร้างมาตรการที่ครอบคลุมรอบด้าน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรหลานของเหล่าผู้ปกครอง โดยรัฐบาลจะเร่งบรรลุนโยบาย “รัฐบาลช่วยเหลือเลี้ยงบุตรหลานในช่วงวัย 0 – 6 ปี” อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
ในปีหน้านี้ “การดำเนินภารกิจทางการเมืองด้วยหลักธรรมาภิบาลที่มั่นคง” เป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของพวกเรา ซึ่งพวกเราจะธำรงไว้ซึ่งอธิปไตย ยึดมั่นในค่านิยมด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย ตลอดจนปกป้องอธิปไตยเหนือแผ่นดินและความมั่นคงของประเทศชาติ เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ให้ดำรงคงอยู่สืบต่อไป
ในตอนท้าย ปธน.ไช่ฯ ได้ระบุถึงประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน โดยพวกเราจะยึดมั่นในจุดยืน “ไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดัน และไม่บุ่มบ่ามแม้จะได้รับพลังเสียงสนับสนุน” นอกจากนี้ ยังขอเรียกร้องให้รัฐบาลปักกิ่งอย่าประเมินสถานการณ์ผิดพลาด และต้องควบคุมไม่ให้ภายในประเทศมีการขยายตัวของแนวคิดที่จะ “คุกคามด้วยอำนาจทางทหาร”
กำลังทหารมิใช่ตัวเลือกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ความขัดแย้งทางการทหารจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของการพัฒนาทางเศรษฐกิจ มีเพียงแต่การให้ความสำคัญต่อการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนและสร้างความไว้วางใจให้เกิดขึ้นในสังคม จึงจะทำให้สองฝั่งช่องแคบไต้หวันสามารถร่วมแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธี อันจะเป็นการบรรเทาความตึงเครียดของสถานการณ์ในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำขวัญประจำปีนี้คือ “ไต้หวันที่เปี่ยมด้วยความยืดหยุ่น พร้อมก้าวไปข้างหน้าร่วมกับประชาคมโลก” ไต้หวันสามารถทำได้ เนื่องจากไต้หวันมีประชาชนที่เพรียบพร้อมไปด้วยความยืดหยุ่น พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้กล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนสำหรับความมุ่งมั่นและการสร้างคุณประโยชน์อย่างกระตือรือร้น ในปีนี้ พวกเราจะร่วมกันจับมือเพื่อก้าวข้ามอุปสรรค และสร้างพัฒนาการที่รุดหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป