ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
นายกงหมิงซิน ประธาน NDC ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับรมว.เศรษฐกิจและนวัตกรรมของลิทัวเนีย เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ พร้อมร่วมจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานแห่งประชาธิปไตย
2022-01-13
New Southbound Policy。นายกงหมิงซิน ประธาน NDC ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับรมว.เศรษฐกิจและนวัตกรรมของลิทัวเนีย เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ พร้อมร่วมจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานแห่งประชาธิปไตย (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
นายกงหมิงซิน ประธาน NDC ประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับรมว.เศรษฐกิจและนวัตกรรมของลิทัวเนีย เพื่อเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมระหว่างสองประเทศ พร้อมร่วมจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานแห่งประชาธิปไตย (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 11 ม.ค. 65
 
เมื่อวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา นายกงหมิงซิน ประธานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ (National Development Council, NDC) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และ Ms. Ausrine Armonaite รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจและนวัตกรรมของสาธารณรัฐลิทัวเนีย ได้ติดตามผลหลังการเดินทางเยือนลิทัวเนียของ “คณะสำรวจโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนของไต้หวัน” ในช่วงที่ผ่านมา โดยมีการจัดการประชุมระหว่างรัฐมนตรีของทั้งสองประเทศผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ซึ่งในระหว่างการประชุม นอกจากจะร่วมกำหนดทิศทางในการสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าและการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ระหว่างทั้งสองฝ่ายแล้ว รมว.กงฯ ยังได้ยืนยันต่อรัฐบาลลิทัวเนียอย่างหนักแน่นว่า ไต้หวันเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่ลิทัวเนียสามารถไว้วางใจได้ โดยไต้หวันจะส่งเสริมความร่วมมือกับลิทัวเนียในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานแห่งประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่น และเสริมสร้างความสามัคคีและความยืดหยุ่นของกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ตลอดจนพร้อมให้ความช่วยเหลือลิทัวเนียในการรับมือกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีนอย่างเต็มกำลัง
 
ในระหว่างการประชุม รมว.กงฯ ยังระบุอีกว่า ไต้หวันจะดำเนินการตามคำมั่นที่ให้ไว้ ตามบันทึกข้อตกลงทางความร่วมมือและฉันทามติที่มีร่วมกันกับลิทัวเนีย ในช่วงระหว่างการเดินทางเยือนลิทัวเนียในครั้งที่ผ่านมา โดยหลังจากที่คณะตัวแทนเดินทางกลับมาถึงไต้หวัน ก็ได้เร่งหารือถึงแนวทางการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว

“คณะสำรวจโอกาสทางเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนของไต้หวัน” ที่เดินทางเยือนประเทศในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกในครั้งนี้ บังเกิดผลสัมฤทธิ์มากมาย รมว.กงฯ ย้ำว่า จะเริ่มจัดตั้ง “’กองทุนการลงทุนในกลุ่มประเทศยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก” ที่มียอดการลงทุนรวมมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเริ่มต้นจากลิทัวเนียก่อน เพื่อกระตุ้นการประสานความร่วมมืออย่างยั่งยืนระหว่างไต้หวัน – ลิทัวเนีย โดยไต้หวันจะทุ่มงบประมาณ 1,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมและภาคส่วนที่มีศักยภาพในการพัฒนาต่อไปในอนาคตอย่างยั่งยืน
 
รมว.กงฯ กล่าวว่า ขณะนี้ ความร่วมมือที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างสองประเทศ คือ ด้านเซมิคอนดักเตอร์ ส่วนด้านอุตสาหกรรมเลเซอร์ที่เป็นข้อได้เปรียบของลิทัวเนีย ไต้หวันได้ประสานผ่านหน่วยงานวิชาการ หน่วยงานวิจัย และติดต่อกับผู้ประกอบการลิทัวเนียเรียบร้อยแล้ว โดยความร่วมมือในด้านรถโดยสารประจำทางที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ่าและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ล้วนแต่มีการพัฒนาที่คืบหน้า ส่วนกรณีที่ลิทัวเนียได้รับแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากรัฐบาลจีน รมว.กงฯ ย้ำว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการจัดซื้อ จัดตั้งช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ และวางแนวทางการกระจายความเสี่ยง รวมถึงร่วมวางแผนการปรับโครงสร้างของห่วงโซ่อุปทานใหม่
 
โดยรมว. Armonaite ได้ขอบคุณไต้หวันสำหรับความมุ่งมั่นตั้งใจในการให้การสนับสนุนลิทัวเนียตลอดมา เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นในการปกป้องค่านิยมด้านประชาธิปไตยตลอด 30 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงถึงกระบวนการในการคัดเลือกและจัดส่งเจ้าหน้าที่ชาวลิทัวเนียที่จะมาประจำในไต้หวัน คาดว่าจะทำการจัดตั้งสำนักงานตัวแทนลิทัวเนียในไต้หวันอย่างเป็นทางการในช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีนี้ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างสองประเทศในเชิงลึก โดยรมว.ทั้งสองต่างยืนยันว่า ทั้งสองฝ่ายจะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ร่วมก้าวข้ามอุปสรรค โดยการประสานความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – ลิทัวเนีย เพื่อสร้างผลสัมฤทธิ์ในด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนได้ ตลอดจนร่วมสร้างความสามัคคีและความยืดหยุ่นระหว่างพันธมิตรแห่งประชาธิปไตยทั่วโลก