ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 17 ม.ค. 65
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “นายกสมาคมและคณะกรรมการบริหารสมาคมอุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Taiwan Electronic Equipment Industry Association, TEEIA)” พร้อมกล่าวว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันจัดอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก ดังนั้น ทำอย่างไรจึงจะสามารถคว้าโอกาสในช่วงที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันมีความเจริญรุ่งเรืองเพื่อส่งเสริมให้เกิดการผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ด้านเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ จึงเป็นนโยบายของรัฐบาลและแนวทางการพัฒนาในอนาคต อีกทั้งยังเป็นเป้าหมายที่สำคัญของ TEEIA ด้วยเช่นกัน ปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะประสานความร่วมมือกับ TEEIA เพื่อร่วมผลักดันให้อุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เปี่ยมด้วยศักยภาพทางการแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไป
ปธน.ไช่ฯ ชี้แจงว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จัดอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก โดยเฉพาะการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกหลังยุคโควิด – 19 ซึ่งครอบคลุมไปถึงการขาดแคลนชิปสำหรับการผลิตรถยนต์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของไต้หวันที่มีอิทธิพลต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ การส่งเสริมให้เกิดการผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ด้านเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ จึงเป็นนโยบายของรัฐบาลและและแนวทางการพัฒนาในอนาคต อีกทั้งยังเป็นเป้าหมายที่สำคัญของ TEEIA ด้วยเช่นกัน
ผู้ประกอบการด้านการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในไต้หวัน ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยในระหว่างการผลักดันการวิจัยและพัฒนานั้น มักจะเผชิญหน้ากับข้อจำกัดด้านทรัพยากร โดยรัฐบาลจะส่งมอบทรัพยากรที่เกิดจากการกำหนดนโยบายเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่บรรดาผู้ประกอบการอย่างเต็มกำลัง
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า สำหรับภารกิจผลักดันให้ผู้ประกอบการชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รุกเข้าสู่ตลาดนานาชาติของ TEEIA ก็มีความคืบหน้าสำคัญหลายรายการ ซึ่งรวมไปถึงการร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงทางความร่วมมือกับชุมชนอุตสาหกรรมในจังหวัดโออิตะและจังหวัดคูมาโมโตะ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างกันกับญี่ปุ่นอย่างแน่นแฟ้น
ในอนาคต เราจะผลักดันให้ไต้หวันก้าวสู่การเป็น “สถาบันการผลิตขั้นสูงในภูมิภาคเอเชีย” และ “สถาบันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ทันสมัย” โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะประสานความร่วมมือกับ TEEIA เพื่อร่วมผลักดันให้อุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เปี่ยมด้วยศักยภาพทางการแข่งขันในระดับนานาชาติต่อไป