กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 26 ม.ค. 65
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ตอบรับคำเชิญเข้าร่วม “การประชุมระดมความคิดเห็นจากทั่วโลกในไต้หวัน” (GIS Taiwan) ครั้งที่ 13 ที่จัดโดยมหาวิทยาลัยไต้หวันแห่งชาติ (NTU) โดยรมว.อู๋ฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์เป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อ “สถานภาพของไต้หวันในเวทีโลกหลังยุคโควิด - 19” โดยภายในการประชุม มีนักศึกษาเข้าร่วมรับฟังอย่างคึกคักมากกว่า 200 คน รมว. อู๋ฯ กล่าวว่า ไต้หวันเป็นพลังแห่งความดี (a force for good) ของประชาคมโลก ซึ่งไต้หวันจะผูกสัมพันธ์กับนานาประเทศ และอุทิศตนเพื่อประโยชน์สุขของสังคมโลกต่อไป นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้ขับขานบทกวี “First they came ...” ที่ประพันธ์ขึ้นในปีค.ศ. 1946 โดย Mr. Martin Niemöller ผู้นำทางศาสนาของเยอรมนี เพื่อให้กำลังใจแก่เหล่านักศึกษา ในการกล้าที่จะร่วมเป็นกระบอกเสียงเรียกร้องความยุติธรรม
ในช่วงที่รมว.อู๋ฯ แบ่งปันประสบการณ์แห่งความท้าทายในการดำรงตำแหน่งเป็นรมว.กต.ไต้หวันว่า สถานภาพของไต้หวันในเวทีโลกมีแต่ความยากลำบาก อีกทั้งไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศต่างๆ นอกจากนี้ ในระหว่างที่ไต้หวันเข้าร่วมกิจกรรมหรือการประชุมนานาชาติ มักต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคในการถูกเรียกขานด้วยชื่อที่ไม่เหมาะสม
รมว.อู๋ฯ จึงเรียกร้องให้ทุกประเทศตระหนักเห็นถึงการแผ่ขยายของลัทธิอำนาจนิยม และการนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ในทางยุทธศาสตร์ระหว่งประเทศแล้ว ไต้หวันจึงต้องการความสนับสนุนจากกลุ่มประเทศประชาธิปไตย ซึ่งเมื่อใดที่ประเทศประชาธิปไตยที่มีบทบาทสำคัญในระดับสากล แสดงความห่วงใยต่อประเด็นสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ก็จะช่วยหยุดยั้งการแผ่ขยายอำนาจของลัทธิอำนาจนิยมได้เป็นอย่างดี
เรายินดีที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้กับสังคมโลกอย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าไต้หวันจะต้องการแรงสนับสนุนจากประชาคมโลก แต่ก็ไม่ควรคิดว่าจะต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลกอยู่เสมอไป ไต้หวันเองก็ควรจะร่วมเป็นกระบอกเสียงและให้การสนับสนุนแก่ประเทศที่มีความต้องการด้วยเช่นกัน
การประชุมระดมความคิดเห็นจากโลกในไต้หวันที่จัดโดย NTU เป็นแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระดับนานาชาติระหว่างนักศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในปี 2009 เพื่อเป็นแพลตฟอร์มการเจรจาหารือระหว่างกลุ่มเยาวชนในภูมิภาคเอเชีย ด้วยมีตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐและวิชาการ มาเข้าร่วม และเปิดโอกาสในการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้นำในแวดวงต่างๆ กับกลุ่มนักศึกษา ให้เกิดความเชื่อมโยงกันในภายภาคหน้าต่อไป