ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 15 มี.ค. 65
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “พิธีตอกเสาเข็มก่อสร้างอาคารศูนย์วิจัย II และอาคารอเนกประสงค์ของสภาวิจัยแห่งชาติของไต้หวัน (Academia Sinica) วิทยาเขตภาคใต้” โดยหวังว่าการพัฒนาวิทยาเขตในพื้นที่ทางภาคใต้ของสภาวิจัยฯ จะสามารถประสานกับศักยภาพของ “สวนวิทยาศาสตร์และศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสีเขียว ซาหลุน นครไถหนาน” (Shalun Smart Green Energy Science City) และ “อุทยานวิทยาศาสตร์เมืองไถหนาน” (Southern Taiwan Science Park) ในการยกระดับอุตสาหกรรมและการวิจัยด้านนวัตกรรมในพื้นที่ทางภาคใต้ของไต้หวัน ให้มีการพัฒนามากขึ้น
ปธน.ไช่ฯ เห็นว่า นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2016 เป็นต้นมา ได้มีโอกาสเดินทางเยือนเขตซาหลุนอยู่บ่อยครั้ง แสดงให้เห็นว่า ซาหลุนจะมีบทบาทที่สำคัญในด้านการพัฒนาประเทศในยุคต่อไป ซึ่งนอกจากจะมีส่วนช่วยสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ทางภาคใต้แล้ว ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีทันสมัยของไต้หวัน จึงถือเป็นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคตและอุตสาหกรรมอันล้ำสมัยต่อไป
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า การพัฒนาวิทยาเขตทางภาคใต้ของสภาวิจัยแห่งชาติ ถือเป็นการต่อยอดพลังแห่งการวิจัยให้แผ่ขยายออกไป จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บนเส้นทางในการก้าวสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050 สภาวิจัยฯ จะสามารถนำงานวิจัยทั้งในส่วนของพื้นฐานหรือที่เป็นวิทยาศาสตร์ประยุกต์มาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยปธน.ไช่ฯ ยังได้มอบหมายภารกิจนี้ให้กับสภาวิจัยฯ สถาบันวิจัยเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรม (ITRI) และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการร่วมดำเนินภารกิจสำคัญด้านการพัฒนาพลังงานแห่งยุคต่อไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ขณะนี้ อาคาร 1 ของสภาวิจัยแห่งชาติ วิทยาเขตภาคใต้ได้เปิดใช้งานแล้ว ภายในมีห้องทดลองด้านชีวภาพทางการเกษตร รวม 11 ห้อง ซึ่งมีผลสัมฤทธิ์ที่เด่นชัดโดยเฉพาะในด้านการเพาะเลี้ยงเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณภาพ การวิจัยการปรับปรุงยีนทางการเกษตร ซึ่งสามารถยกระดับศักยภาพในการแข่งขันระดับนานาชาติให้กับอุตสาหกรรมเกษตรไต้หวันได้เป็นอย่างดี
ปธน.ไช่ฯ ชี้แจงว่า อาคารวิจัย II และอาคารอเนกประสงค์มีกำหนดการแล้วเสร็จในปลายปีนี้ นอกจากนี้ โครงการก่อสร้าง “อาคารเทคโนโลยีควอนตัม” ยังอยู่ระหว่างการผลักดัน ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2026
ปธน.ไช่ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สภาวิจัยฯ วิทยาเขตภาคใต้จะก้าวสู่การเป็นฐานวิจัยภาคสนามสำหรับกลุ่มนักวิชาการด้านมนุษย์ศาสตร์และสังคม อีกทั้งจะเป็นแนวหน้าในการพัฒนาการวิจัยเทคโนโลยีควอนตัม เพื่อช่วยสนับสนุนรัฐบาลในการจัดตั้ง “ทีมชาติควอนตัม” พร้อมทั้งเป็นฐานที่ตั้งสำคัญในด้าน “การวิจัยพลังงานไร้คาร์บอน” และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ เพื่อวางรากฐานที่สำคัญให้กับการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
ในตอนท้าย ปธน.ไช่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อนายเลี่ยวจวิ้นจื้อ ผู้อำนวยการสภาวิจัยฯ และเหล่าทีมงานที่มีส่วนร่วมในครั้งนี้ โดยปธน.ไช่ฯ กำชับให้ทุกคนประสานความร่วมมือในการบรรลุการพัฒนาวิทยาเขตในภาคใต้ของสภาวิจัยฯ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ต่อไป