กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 18 มี.ค. 65
 
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรแห่งสาธารณรัฐอิตาลี ได้มีมติเห็นชอบต่อญัตติย่อยว่าด้วยกฎหมายด้านการรับมือสถานการณ์วิกฤตยูเครน ด้วยคะแนนเสียง 387 : 19 โดยมีผู้งดออกเสียง 11 เสียง โดยเนื้อความในญัตติได้ระบุถึงผลกระทบจากสถานการณ์การบุกโจมตียูเครนด้วยกำลังทหารของรัสเซียที่มีต่อทั่วโลก พร้อมแสดงความกังวลว่ารัฐบาลจีนอาจกระทำการใดๆ ในทิศทางเดียวกันต่อไต้หวัน จึงขอเรียกร้องให้องค์การนาโต้ (NATO) และสหภาพยุโรป (EU) เร่งจับตาเฝ้าระวังสถานการณ์ในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก นอกจากนี้ สาระสำคัญในญัตติยังระบุให้รัฐบาลอิตาลร่วมตรวจสอบยุทธศาสตร์อินโด – แปซิฟิกกับกลุ่มประเทศสมาชิก NATO และ EU พิจารณาร่างนโยบายแนวทางการรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รู้สึกยินดีและขอบคุณสภาผู้แทนราษฎรด้วยใจจริง ที่มีมติเห็นชอบผ่านญัตติย่อย  เพื่อเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญของสถานการณ์ตึงเครียดในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน
 
ญัตติย่อยในครั้งนี้ยื่นเสนอโดย Mr. Paolo Formentini รองประธานคณะกรรมาธิการด้านการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรอิตาลี ณ ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 มี.ค. โดยได้รับการลงนามจากสมาชิกสภาแบบข้ามพรรครวม 32 คน ซึ่งการลงคะแนนเสียงในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้าน แสดงให้เห็นว่าไต้หวันมีบทบาทสำคัญในยุทธศาสตร์อินโด – แปซิฟิก รวมถึงได้รับการยอมรับจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบข้ามพรรคในประเด็นการให้ความสำคัญกับการธำรงไว้ซึ่งสันติภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน โดยที่ญัตติฉบับนี้ ยังได้รับการสนับสนุนเชิงบวกจากรัฐบาลอิตาลีอีกด้วย
 
ไต้หวัน – อิตาลีเป็นประเทศที่ยึดมั่นในค่านิยมสากลด้านประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน และมีสัมพันธภาพอันดีระหว่างกัน หลายปีมานี้ ทั้งสองประเทศได้ประสานความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านเศรษฐกิจการค้า วัฒนธรรม การศึกษาและพลังงาน เป็นต้น โดยทั้งสองฝ่ายต่างให้ความสำคัญกับความมั่นคงในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ในอนาคตไต้หวันจะประสานความร่วมมือในเชิงลึกกับอิตาลีและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันต่อไป เพื่อร่วมสร้างคุณประโยชน์ให้มากขึ้นทั้งด้านสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันและทั่วโลกต่อไป