ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมว.กต.ไต้หวัน ให้สัมภาษณ์แก่นสพ. The Globe and Mail เกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย - ยูเครนต่อพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - แคนาดา
2022-03-28
New Southbound Policy。รมว.กต.ไต้หวัน ให้สัมภาษณ์แก่นสพ. The Globe and Mail เกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย - ยูเครนต่อพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - แคนาดา (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
รมว.กต.ไต้หวัน ให้สัมภาษณ์แก่นสพ. The Globe and Mail เกี่ยวกับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย - ยูเครนต่อพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - แคนาดา (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 25 มี.ค. 65
 
เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แก่ Mr. Robert Fife บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ The Globe and Mail ที่ประจำอยู่ในกรุงออตตาวา และ  Mr. Steven Chase ผู้สื่อข่าวระดับอาวุโส โดยรมว.อู๋ฯ ได้ร่วมวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครนต่อพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – แคนาดา โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่แล้วเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ที่ผ่านมา โดยได้รับกระแสตอบรับและความสนใจเป็นอย่างมาก
 
รมว.อู๋ฯ แถลงว่า ไต้หวันได้จับตามองสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครนอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มประเทศประชาธิปไตยร่วมมือกันในการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ประกอบกับการที่ยูเครนลุกขึ้นสู้เพื่อต่อต้านการรุกรานจากภายนอกอย่างเต็มกำลัง ส่งผลให้รัสเซียประสบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในการบุกเข้าสู่ยูเครน ซึ่งหากรัฐบาลจีนใช้อาวุธเพื่อเข้ายึดครองไต้หวัน คาดว่าคงเลือกใช้แนวทางการยกพลขึ้นบกจู่โจม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไต้หวันมีข้อได้เปรียบทางด้านอาวุธป้องกันที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยูเครนขาดแคลน จึงจะเห็นได้ว่าการบุกโจมตีไต้หวันอาจมีความท้าทายมากกว่าการที่รัสเซียบุกยูเครน อีกทั้งความกล้าหาญของประชาชนชาวยูเครนและการถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากกลุ่มประเทศตะวันตกที่รัสเซียเผชิญหน้าในปัจจุบัน อาจทำให้รัฐบาลจีนตระหนักถึงผลลัพธ์ของสงคราม และนำมาซึ่งการยกเลิกแนวคิดที่จะบุกโจมตีด้วยกำลังทหาร
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ไต้หวันมีความตื่นตัวในการเฝ้าระวังระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้จีนเข้ารุกล้ำอธิปไตย นอกจากไต้หวันจะมีความมุ่งมั่นในการปกป้องประเทศชาติแล้ว ยังได้จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีความทันสมัย เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถในการรับมือกับสงครามที่ขาดความสมดุล และเพื่อดำเนินการปฏิรูประบบกำลังสำรองของกองทัพ ตลอดจนผลักดันการผลิตเรือรบและเครื่องบินรบจากภายในประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านการป้องกันประเทศให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ไต้หวันยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ทั้งยังเป็นประเทศที่ตั้งอยู่แนวหน้าในการต่อกรกับการแผ่ขยายอำนาจของลัทธิอำนาจนิยม จึงทำให้มีบทบาทสำคัญต่อประชาคมโลกเป็นอย่างมาก
 
รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า ในแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน – รัสเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีใจความสำคัญที่เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนที่ดีที่ “ไม่มีขีดจำกัด” ของทั้งสองประเทศ เพราะฉะนั้น ภายใต้การประสานความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างจีน – รัสเซีย การที่รัฐบาลจีนจะช่วยไกล่เกลี่ยให้รัสเซีย – ยูเครนสงบศึกสงคราม แทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย หรือไม่แม่ว่าจีนอาจได้รับผลประโยชน์จากการที่รัสเซียถูกคว่ำบาตรจากกลุ่มประเทศตะวันตกก็เป็นได้
 
ต่อกรณีความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - แคนาดา รมว.อู๋ฯ เห็นว่า แคนาดาสามารถส่งเรือรบเดินทางข้ามผ่านพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันได้อย่างเสรีเช่นเดียวกับพันธมิตรชาติอื่นๆ ที่ร่วมลงนาม “ความตกลงว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ (Foreign Investment Promotion and Protection Agreement, FIPA)” กับไต้หวัน พร้อมนี้ ทั้งสองประเทศยังสามารถร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการสกัดกั้นข่าวปลอมและการโจมตีทางไซเบอร์ ตลอดจนเรียกร้องให้แคนาดาสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วม “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - แคนาดาในเชิงลึก ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงความสนับสนุนที่มีต่อไต้หวัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มประชาธิปไตยระดับโลก
 
รมว.อู๋ฯ ยังชี้ว่า จนถึงขณะนี้ ยอดเงินบริจาคที่รัฐบาลและประชาชนไต้หวัน บริจาคให้กับยูเครน มีมูลค่ารวมมากกว่า 8 ร้อยล้านเหรียญไต้หวันแล้ว อีกทั้งยังมีสิ่งของบริจาคเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม อีกกว่า 500 ตัน ซึ่งถือเป็นผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการความร่วมมือของประชาชนไต้หวัน ที่หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยยูเครนให้ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว