กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 3 เม.ย. 65
เมื่อวันที่ 31 มี.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แก่ Mr. Philip Sherwell ผู้สื่อข่าวประจำทวีปเอเชียของหนังสือพิมพ์ The Sunday Times ของอังกฤษ โดยได้ชี้แจงถึงสถานการณ์ล่าสุดระหว่างรัสเซีย – ยูเครน การข่มขู่ไต้หวันจากรัฐบาลจีน การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ยูเครนของไต้หวัน ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – อังกฤษ และการเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศของไต้หวัน เป็นต้น โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่แล้วเมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้รับกระแสตอบรับและความสนใจเป็นอย่างมาก
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ไต้หวันและยูเครนเป็นประเทศที่ตั้งอยู่แนวหน้าในการรับมือและต่อต้านกับระบอบเผด็จการ ในระหว่างที่ประเทศในทวีปยุโรปกำลังเผชิญกับการยั่วยุทางการทหารจากรัสเซียนั้น รัฐบาลจีนก็ได้ฉวยโอกาสนี้ในการแผ่ขยายอำนาจในพื้นที่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก รวมไปถึงทวีปแอฟริกาและยุโรป โดยการคงอยู่ของไต้หวัน นอกจากจะมีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการธำรงรักษาอำนาจอธิปไตยและวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตยแล้ว ยังมีความสำคัญต่อการคงอยู่ของประชาธิปไตยทั่วโลกด้วยเช่นกัน ไต้หวันเชื่อว่า ขณะนี้รัฐบาลจีนกำลังเฝ้าจับตาสถานการณ์สงครามรัสเซีย - ยูเครนอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินแนวทางในการเข้ารุกรานไต้หวัน รวมถึงสังเกตการณ์การตอบสนองจากประชาคมโลก รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า กลุ่มประเทศประชาธิปไตยจำเป็นต้องประสานสามัคคีกัน เชื่อว่า จากสงครามรัสเซีย – ยูเครน ได้ส่งผลให้หลายประเทศในประชาคมโลกมองเห็นความสำคัญของไต้หวันเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนยกระดับให้การสนับสนุนไต้หวันเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
รมว.อู๋ฯ วิเคราะห์ว่า สถานการณ์ของไต้หวันและยูเครน แตกต่างกัน รวมไปถึงไต้หวันกับจีนมีทะเลขวางกั้นอยู่ นอกจากนี้ ไต้หวันยังครองบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยีขั้นสูงระดับโลก ส่งผลให้การเข้าคุกคามไต้หวันของจีน ยิ่งต้องใช้ต้นทุนเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แสนยานุภาพทางการทหารของจีน มีอานุภาพแกร่งกล้ากว่ารัสเซีย โดยไต้หวันได้รับแรงบันดาลใจจากประสบการณ์ของยูเครนซึ่งเป็นประเทศเล็กๆที่ประสบความสำเร็จในการต่อต้านประเทศมหาอำนาจ ไต้หวันจะมุ่งมั่นในการพัฒนาขีดความสามารถในการรับมือกับสงครามที่ขาดความสมดุล อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างแสนยานุภาพการป้องกันประเทศโดยพลังประชาชน ตลอดจนจัดการเจรจาว่าด้วยความมั่นคงกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน หลังจากที่เกิดสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน รัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสด้านความมั่นคงนำคณะเดินทางมาเยือนไต้หวัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงการให้การสนับสนุนแก่ไต้หวัน โดยพวกเรามีความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องประเทศอย่างเต็มกำลัง เชื่อว่าในท้ายที่สุดประชาธิปไตยจะสามารถเอาชนะการปกครองด้วยระบอบเผด็จการได้อย่างแน่นอน
รมว.อู๋ฯ ชี้แจงว่า รัฐบาลจีนใช้แผนกลยุทธ์พื้นที่สีเทา ด้วยการส่งเครื่องบินรบจีนรุกล้ำเข้าสู่น่านฟ้าไต้หวันกว่าพันครั้งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนเข้าแทรกแซงด้วยการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ และด้วยสงครามจิตวิทยาและสงครามทางไซเบอร์ โดยในปัจจุบัน ไต้หวันและกลุ่มประเทศยุโรปได้ร่วมกันแบ่งปันประสบการณ์ในด้านการรับมือกับการสกัดกั้นข่าวปลอม สงครามจิตวิทยา และการคุกคามทางไซเบอร์ รวมถึงสงครามลูกผสม อย่างกระตือรือร้น โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ สงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ยังได้กระตุ้นให้เกิดการติดต่อและความร่วมมือระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศประชาธิปไตยทั่วโลก ตลอดจนเสริมสร้างผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ร่วมกัน โดยไต้หวันมีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องประชาธิปไตยเพื่อประชาคมโลก
รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า ไต้หวันนอกจากจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มประเทศประชาธิปไตย ในการดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียแล้ว ประชาชนชาวไต้หวันยังรู้สึกซาบซึ้งต่อการที่ได้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของประชาชนชาวยูเครนที่ร่วมลุกขึ้นสู้เพื่อปกป้องประเทศของตนอย่างกล้าหาญ โดยไต้หวันได้ทยอยบริจาคเงินและสิ่งของจำเป็นเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ซึ่งตราบจนปัจจุบัน ยอดเงินบริจาคสะสมรวมเป็นจำนวนกว่า 31 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสิ่งของจำเป็นรวมกว่า 600 ตัน เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังแถลงว่า “รายงานการวิเคราะห์นโยบายเชิงบูรณาการ” (Integrated Review 2021) ที่ประกาศโดยรัฐบาลอังกฤษในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการระบุถึงนโยบาย “การโน้มเอียงมายังพื้นที่ในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก” (The Defence tilt to the Indo-Pacific) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า อังกฤษให้ความสำคัญต่อพื้นที่ในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก รวมถึงความสัมพันธ์ของกลุ่มประเทศในภูมิภาค นอกจากนี้ อังกฤษยังส่งเรือรบแล่นผ่านพื้นที่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกเพื่อปฏิบัติภารกิจ “รักษาเสรีภาพการเดินเรือ” อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของ “ภาคีความมั่นคงแบบพหุภาคีระหว่างสหรัฐอเมริกา อังกฤษและออสเตรเลีย” (AUKUS) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอังกฤษต้องการสวมบทบาทที่สำคัญในภูมิภาคนี้อย่างกระตือรือร้น
รมว.อู๋ฯ ขอบคุณอังกฤษสำหรับมิตรภาพอันลึกซึ้งที่ส่งมอบให้ไต้หวัน ตลอดจนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การระหว่างประเทศอย่างกระตือรือร้น โดยไต้หวันคาดหวังที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในเชิงลึกร่วมกับอังกฤษอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมมุ่งมั่นพัฒนาให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ทั้งในด้านการค้าระหว่างประเทศ การลงทุนและการแลกเปลี่ยนระหว่างภาคประชาชนต่อไป
The Sunday Times ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1822 เป็นหนังสือพิมพ์ในเครือเดียวกับ The Times ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์แนวหน้าของอังกฤษที่มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ได้รับการติดตามจากภาคประชาชนและทรงอิทธิพลในแวดวงเป็นอย่างมาก
