ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รองปธน.ไล่ฯ เข้าร่วม “พิธีเปิดป้ายมูลนิธิ Medical Excellence TAIWAN (MET) และการประชุมสัมมนาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ”
2022-04-20
New Southbound Policy。รองปธน.ไล่ฯ เข้าร่วม “พิธีเปิดป้ายมูลนิธิ Medical Excellence TAIWAN (MET) และการประชุมสัมมนาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
รองปธน.ไล่ฯ เข้าร่วม “พิธีเปิดป้ายมูลนิธิ Medical Excellence TAIWAN (MET) และการประชุมสัมมนาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 19 เม.ย. 65
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 19 เม.ย. นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เดินทางเข้าร่วม “พิธีเปิดป้ายมูลนิธิ Medical Excellence TAIWAN (MET) และการประชุมสัมมนาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพ” โดยรองปธน.ไล่ฯ คาดหวังให้ทุกภาคส่วนเร่งเสริมสร้างคุณภาพและปริมาณการให้บริการทางการแพทย์ระดับนานาชาติของไต้หวันให้เป็นไปในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น พร้อมชี้แนะให้ประยุกต์ใช้อุตสาหกรรมทางการแพทย์ เป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการผลักดันการทูตทางการแพทย์อีกด้วย
 
รองปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ข้าพเจ้ารู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้เข้ามีส่วนร่วมในพิธีเปิดป้ายมูลนิธิ MET โดยรองปธน.ไล่ฯ ได้อวยพรให้กิจกรรมในครั้งนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น พร้อมคาดหวังให้ MET ดำเนินภารกิจต่อไปในภายภาคหน้าได้อย่างราบรื่น เพื่อส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการแพทย์และการบริการทางการแพทย์ของไต้หวัน ก้าวสู่เวทีนานาชาติต่อไป
 
รองปธน.ไล่ฯ ระบุว่า เพื่อขานรับนโยบายมุ่งใต้ใหม่ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) รัฐบาลได้เร่งผลักดันโครงการความร่วมมือทางการแพทย์กับกลุ่มประเทศเป้าหมายนโยบายมุ่งใต้ใหม่อย่างกระตือรือร้น เฉพาะในปี 2018 – 2021 ยอดผู้ป่วยจากกลุ่มประเทศเป้าหมายที่เดินทางมาเข้ารับการรักษาในไต้หวัน มีจำนวนกว่า 510,000 คนครั้ง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่านโยบาย “หนึ่งประเทศ หนึ่งศูนย์การแพทย์” บังเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเห็นได้ชัด
 
รองปธน.ไล่ฯ แสดงความคิดเห็นว่า การก่อตั้ง MET เท่ากับเป็นการยกระดับการบริการทางแพทย์นานาชาติของไต้หวันไปสู่ เวอร์ชัน 2.0 โดยเปลี่ยนจากการเป็นประเทศที่รองรับผู้ป่วยที่ถูกส่งตัวมาเข้ารับการรักษา เป็นการจัดตั้งโรงพยาบาลขึ้นในกลุ่มประเทศเป้าหมายนั้นๆ เพื่อให้บริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุม โดยพิธีเปิดป้าย MET ในวันนี้ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าทุกคนคือทีมชาติด้านการแพทย์นานาชาติ
 
รองปธน.ไล่ฯ คาดหวังที่จะเห็นทีมชาติด้านการแพทย์นานาชาติของไต้หวัน บรรลุภารกิจใน 3 มิติหลัก ประกอบด้วย 1. เร่งเสริมสร้างกลไกการบริการทางการแพทย์ที่มีอยู่เดิม ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ 2. ให้ความช่วยเหลือแวดวงอุตสาหกรรมในการขยายโอกาสธุรกิจในกลุ่มประเทศเป้าหมาย หรือกล่าวอีกนัยว่า ประยุกต์ใช้อุตสาหกรรมทางการแพทย์ เป็นปัจจัยในการกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง 3. เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยการบริการทางการแพทย์ รองปธน.ไล่ฯ แสดงทรรศนะว่า การแพทย์ไร้พรมแดน อีกทั้งไม่มีเส้นแบ่งระหว่างกลุ่มชน ถือเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ด้วยเหตุนี้ รองปธน.ไล่ฯ จึงเชื่อว่า การบริการทางการแพทย์ที่ไต้หวันส่งมอบให้ จะได้รับการยอมรับจากกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นประเทศใด โดยไม่มีการแบ่งแยกฝักฝ่าย ซึ่งถือเป็นรูปแบบการทูตทางการแพทย์ที่ประสบความสำเร็จ
 
รองปธน.ไล่ฯ แถลงว่า MET ได้เปิดดำเนินการมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ตราบจนปัจจุบันได้มีการประสานความร่วมมือกับมาเลเซียและเวียดนาม โดยขณะนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการประเมินการลงทุนจัดตั้งโรงพยาบาลในพื้นที่ ซึ่งควรค่าแก่การยกย่องชื่นชม นอกจากนี้ รองปธน.ไล่ฯ ยังได้ร่วมแบ่งปันข้อควรระวังที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในที่ประชุมวันนี้ต้องใส่ใจ  โดยมีสาระสำคัญดังนี้ เริ่มแรก แม้ว่าในช่วงเริ่มต้น เราจะมีการจัดตั้งโรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดย่อม แต่เป้าหมายของเราในท้ายที่สุดคือการจัดตั้งศูนย์การแพทย์ที่ครอบคลุม ประการถัดมา บุคลากรทางการแพทย์ในพื้นที่มิควรพึ่งพาทรัพยากรทุกสิ่งอย่างจากไต้หวัน จึงจำเป็นต้องบ่มเพาะบุคลากรทางการแพทย์สำหรับกลุ่มประเทศเป้าหมาย นอกจากนี้ รัฐบาลไต้หวันก็ควรเร่งแก้ไขข้อกฎหมาย ควบคู่ไปกับการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้อง เพื่อส่งเสริมให้องค์กรการแพทย์ในประเทศ สามารถเข้าลงทุนในกลุ่มประเทศเป้าหมายได้อย่างสะดวก หรือสามารถเข้าร่วมจัดตั้งโรงพยาบาลในกลุ่มประเทศเป้าหมายตามที่รัฐบาลกำหนดไว้
 
รองปธน.ไล่ฯ ยังระบุเพิ่มเติมว่า การก่อตั้ง MET ยังถือเป็นการส่งเสริมให้สถานพยาบาลของไต้หวันที่มีความสมัครใจ มีความประสงค์ และมีพันธกิจ สามารถสำแดงศักยภาพของตนได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าหลังจากนี้ ยังมีภารกิจที่ต้องดำเนินการอีกมาก แต่รองปธน.ไล่ฯ มีความเชื่อมั่นในการแพทย์นานาชาติของไต้หวัน เฉกเช่นเดียวกับที่ไต้หวันมีกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่เป็นกลุ่มคนนิรนามที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติเสมอมา รองปธน.ไล่ฯ เชื่อมั่นว่า มาตรฐานการบริการทางการแพทย์และศักยภาพการบริหารโรงพยาบาลของไต้หวัน สามารถที่จะสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ และสามารถขยายตลาดอุตสาหกรรมการแพทย์ของไต้หวันให้กว้างใหญ่ขึ้น
 
ในตอนท้าย รองปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อความมุ่งมั่นของผู้ประกอบการในทุกแวดวงและผู้ที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ที่ช่วยส่งเสริมให้มูลนิธิ MET ได้รับการก่อตั้งขึ้นอย่างสำเร็จลุล่วง รองปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ในวันนี้ทุกคนได้ประสบความสำเร็จในก้าวแรกแล้ว คาดหวังว่าในอนาคต ทีมชาติไต้หวันจะประสานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว เพื่อส่งเสริมให้การแพทย์นานาชาติของไต้หวันประสบความสำเร็จอย่างราบรื่นต่อไป