ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่ฯ รับมอบสาส์นตราตั้งจากเอกอัครราชทูตคนใหม่ของเซนต์ลูเซีย
2022-05-06
New Southbound Policy。ปธน.ไช่ฯ รับมอบสาส์นตราตั้งจากเอกอัครราชทูตคนใหม่ของเซนต์ลูเซีย (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไช่ฯ รับมอบสาส์นตราตั้งจากเอกอัครราชทูตคนใหม่ของเซนต์ลูเซีย (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 5 พ.ค. 65
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับมอบสาสน์ตราตั้งจาก H.E. Robert Kennedy Lewis เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งเซนต์ลูเซียประจำไต้หวัน โดยปธน. ไช่ฯ ได้แสดงความยินดีและกล่าวต้อนรับการเดินทางมาประจำตำแหน่งในไต้หวันของ H.E. Lewis พร้อมหวังว่า ทั้งสองประเทศจะร่วมสร้างความร่วมมือแบบพันธมิตรระหว่างกันในเชิงลึก ตลอดจนสร้างความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกให้เกิดแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศต่อไป
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า เซนต์ลูเซียเป็นประเทศพันธมิตรที่แข็งแกร่งในพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียนของไต้หวัน จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้รับมอบสาสน์ตราตั้งจาก H.E. Lewis ในครั้งนี้ โดยปธน.ไช่ฯ ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลและประชาชนชาวสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ขอแแสดงความยินดีและขอต้อนรับการเดินทางมาเข้าประจำตำแหน่งในไต้หวันของ H.E. Lewis ด้วยใจจริง
 
ปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า หลายปีมานี้ ไต้หวัน – เซนต์ลูเซียนอกจากจะประสานความร่วมมือในการเผชิญหน้ากับสถานการณ์โรคระบาดแล้ว ยังมีการสร้างความสัมพันธ์ทางความร่วมมือในด้านอุตสาหกรรมการเกษตรและการศึกษาอย่างแนบแน่น นับตั้งแต่ที่ Mr. Philip J. Pierre นายกรัฐมนตรีแห่งเซนต์ลูเซีย ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นต้นมา ก็ได้ให้ความสำคัญต่อการบ่มเพาะทักษะความสามารถ เพื่อทำตามความฝันของกลุ่มเยาวชนและกลุ่มสตรี ปธน.ไช่ฯ จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ไต้หวันได้มีส่วนร่วมในการริเริ่มโครงการความร่วมมือที่สำคัญหลายประการเหล่านี้
 
ปธน.ไช่ฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อนรม. Pierre ที่ได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติเมื่อปีที่แล้ว โดยนรม. Pierre เป็นผู้มอบหมายให้ H.E. Lewis เดินทางมาประจำการในไต้หวัน แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและการสนับสนุนต่อไต้หวันอย่างหนักแน่น โดย H.E. Lewis เป็นดุษฎีบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากคณะครุศาสตร์ สาขาคณิตศาศาสตร์ศึกษา ซึ่งก่อนหน้านี้ เขาได้บ่มเพาะบุคลากรด้านการศึกษาเป็นจำนวนมาก เคยดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกรัฐสภาและกระทรวงศึกษาธิการแห่งเซนต์ลูเซียมาก่อน จึงมีประสบการณ์ด้านการเมืองมาอย่างยาวนาน
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า ก่อนหน้านี้ H.E. Lewis เคยเดินทางเยือนไต้หวันแล้วหลายครั้ง ถือเป็นมิตรสหายที่เก่าแก่ของไต้หวัน เชื่อว่าในอนาคต ภายใต้การนำของ H.E. Lewis ไต้หวัน และเซนต์ลูเซียจะสามารถเจริญความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกให้เกิดแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศต่อไป
 
ในตอนท้าย ปธน.ไช่ฯ ได้อวยพรให้ H.E. Lewis ปฏับัติการภารกิจในไต้หวันได้อย่างราบรื่น และขอให้ H.E. Lewis ช่วยส่งผ่านความห่วงใยของปธน.ไช่ฯ ไปสู่ Mr. Errol Charles รักษาการผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และนรม. Pierre ด้วย
 
จากนั้น H.E. Lewis ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ถูกมอบหมายให้ทำหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตเซนต์ลูเซียในไต้หวัน ซึ่งทั้งไต้หวันและเซนต์ลูเซียต่างก็มีภูมิประเทศเป็นเกาะเช่นเดียวกัน อีกทั้งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ยังมีความคล้ายคลึงกันมาก นอกจากนี้ ประชาชนของทั้งสองประเทศต่างก็มีความโอบอ้อมอารี เป็นมิตร และมีความกระตือรือร้นเช่นเดียวกัน และที่สำคัญที่สุด ทั้งสองประเทศยังร่วมยึดมั่นในค่านิยมด้านธรรมาภิบาล ประชาธิปไตย ความเท่าเทียมและสันติภาพเช่นเดียวกันด้วย
 
H.E. Lewis เน้นย้ำว่า 20 กว่าปีมานี้ ไต้หวันได้ส่งมอบความช่วยเหลือที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาในด้านต่างๆ ของเซนต์ลูเซีย โดยเฉพาะด้านการเกษตร การศึกษา สาธารณสุข การค้า และการให้บริการแก่ภาคธุรกิจ ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันดีงามระหว่างกันแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างสุขภาพและความผาสุกให้กับประชาชนเซนต์ลูเซียอีกด้วย รัฐบาลและประชาชนชาวเซนต์ลูเซียจึงขอขอบคุณด้วยความจริงใจ
 
H.E. Lewis ชี้ว่า ในปัจจุบันมีนักศึกษาจากเซนต์ลูเซียจำนวน 120 คนเข้ารับการศึกษาในไต้หวัน H.E. Lewis คาดหวังว่าในอนาคต ไต้หวันจะยังคงส่งมอบโอกาสทางการเรียนรู้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ นักวิชาการรุ่นใหม่ นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ โดยเชื่อว่าประชาชนของทั้งสองประเทศจะสามารถเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ผ่านโครงการความร่วมมือเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในอนาคตต่อไป
 
H.E. Lewis กล่าวว่า ในอนาคต ตนจะมุ่งมั่นในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ให้มีความแนบแน่นยิ่งๆ ขึ้นไป และร่วมสรรค์สร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น ปลอดภัยยิ่งขึ้น เพื่อให้ชนรุ่นหลังสามารถดื่มด่ำกับผลสัมฤทธิ์แห่งประชาธิปไตยต่อไป