ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 6 พ.ค. 65
เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวสุนทรพจน์ในประเด็นภารกิจด้านการป้องกันโรคระบาดผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้า โดยชี้ว่าเพื่อรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ของไต้หวันจึงได้ปรับมาตรการการรับมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา พวกเราประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับประชาชนต่างก็ให้ความร่วมมือในการเข้ารับวัคซีนกันถ้วนหน้า และให้ความร่วมมือในการป้องกันรักษาตนเองอย่างระแวดระวัง ส่งผลให้ความเสี่ยงที่เกิดจากโรคระบาดได้รับการควบคุมไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่า เพียงพวกเราเตรียมพร้อม ก็จะสามารถเอาชนะภัยคุกคามจากสถานการณ์โรคระบาดได้อย่างแน่นอน ปธน.ไช่ฯ จึงขอเรียกร้องให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินกว่าเหตุ
ปธน.ไช่ฯ ชี้แจงว่า คาดว่าภายในเดือนนี้ จะมีชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง (ATK) ไว้รองรับความต้องการของส่วนรวมจำนวน 100 ล้านชุด ซึ่งจะสามารถตอบสนองต่ออุปสงค์ได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้น สำหรับในส่วนของความต้องการในการเข้ารับการตรวจคัดกรองรูปแบบ PCR นอกจากทางรัฐบาลจะมอบหมายให้รัฐบาลท้องถิ่นจัดตั้งสถานีตรวจคัดกรองในชุมชนแล้ว ยังได้กำหนดให้โรงพยาบาลจัดตั้งแผนกป้องกันโรคระบาด พร้อมทั้งวางแผนประสานความร่วมมือกับคลินิกในพื้นที่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการตรวจคัดกรองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในส่วนของการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโรคระบาด ปธน.ไช่ฯ ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารด้านแนวทางว่าด้วยการป้องกันโรคระบาดล่าสุด พร้อมย้ำว่า “พวกเรายังคงต้องประสานสามัคคี ระแวดระวังแต่ไม่ตื่นตระหนก เชื่อว่าจะสามารถเอาชนะความท้าทายจากสถานการณ์โรคระบาดในระลอกนี้ได้ในเร็ววัน”
โดยสุนทรพจน์ของปธน. ไช่ฯ ต่อสาธารณชนในประเทศในครั้งนี้ มีสาระสำคัญ ดังนี้
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในระลอกนี้เป็นสายพันธุ์โอมิครอนที่มีคุณสมบัติในการแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากประชาชนส่วนมากในประเทศล้วนได้รับวัคซีนกันถ้วนหน้าแล้ว จึงทำให้สัดส่วนผู้ป่วยหนักสามารถลดจำนวนลงได้เป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมา อัตราผู้ป่วยยืนยันจำนวนร้อยละ 99.75 ล้วนเป็นผู้ป่วยอาการเบาและไม่มีอาการ
ด้วยเหตุนี้ CECC จึงได้ริเริ่มปรับมาตรการด้านการป้องกันโรคระบาดที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาผลกระทบที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของภาคประชาชนที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาด และเพื่อให้ระบบการแพทย์ของพวกเรามุ่งเน้นไปที่การรักษาผู้ป่วยหนักที่มีภาวะความเสี่ยงสูง ตลอดจนคงไว้ซึ่งศักยภาพด้านการแพทย์ต่อไป
ขณะนี้ เทศบาลท้องถิ่นได้ทยอยผลักดันกลไกการดูแลและกักตัวในเคหะสถานของกลุ่มผู้ป่วยเบาและไม่มีอาการ โดยการจำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 ด้วยตนเอง (ATK) แบบยืนยันตัวตน ได้เริ่มบังคับใช้แล้วในช่วงที่ผ่านมา ข้าพเจ้าทราบดีว่า ขณะนี้ประชาชนทุกคนล้วนประสบกับปัญหาความขัดข้องในการซื้อชุดตรวจ ATK ซึ่งรัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหา ด้วยการจัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอต่ออุปสงค์ภายในประเทศ โดยในเดือนนี้ คาดว่าจะมีชุดตรวจ ATK ไว้รองรับความต้องการของส่วนรวมจำนวน 100 ล้านชุด
เพราะฉะนั้น จึงให้ประชาชนทุกคนไม่ต้องกักตุนสินค้า อย่าวิตกกังวลเกินความจำเป็น และตรวจเฉพาะในยามจำเป็น ตามแนวทางการป้องกันโรคระบาด
ระยะนี้ สภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ก็ได้เร่งติดต่อประสานงานกับกลุ่มผู้ประกอบการ ให้จัดส่งสินค้าไปยังช่องทางการจำหน่ายในพื้นที่ความเสี่ยงสูงใน 4 พื้นที่ทางภาคเหนือ ประกอบด้วย กรุงไทเป นครนิวไทเป เมืองจีหลงและนครเถาหยวนเป็นอันดับแรก เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่เหล่านี้ สามารถเข้าถึงสินค้าได้เมื่อยามจำเป็น โดยคาดว่าสินค้าจะถูกกระจายเข้าสู่ช่องทางการจำหน่ายภายในสัปดาห์หน้านี้
เมื่อต้องรองรับความต้องการด้านการตรวจคัดกรองรูปแบบ PCR พวกเราได้มอบหมายให้รัฐบาลท้องถิ่นจัดตั้งสถานีตรวจคัดกรองในชุมชน และได้ขอให้โรงพยาบาลจัดตั้งแผนกป้องกันโรคระบาด ตลอดจนวางแผนประสานความร่วมมือกับคลินิกที่ปฏิบัติภารกิจในแนวหน้า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการตรวจคัดกรองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาก็ได้มีการเปิดให้เด็กในช่วงอายุ 6 – 11 ปี ทยอยเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 แล้ว โดยรัฐบาลได้จัดสรรวัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) และวัคซีนไฟเซอร์ไบออนเทค (BNT) เพื่อเป็นตัวเลือกให้ผู้ปกครอง ทั้งนี้ เพื่อร่วมกันดูแลสุขภาพของเด็กและเยาวชน
ขณะนี้ คือในเดือนพฤษภาคม ปี 2022 หากอ้างอิงประสบการณ์จากสถานการณ์โรคระบาดของนานาประเทศ ประกอบกับรายงานการคาดการณ์ของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ จะเห็นได้ว่า ก่อนโรคระบาดจะสิ้นสุดลง จำนวนผู้ป่วยยืนยันจะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปกติวิสัย ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล
เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา พวกเราสามารถป้องกันโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประชาชนส่วนมากในประเทศล้วนได้รับวัคซีนกันถ้วนหน้า อีกทั้งยังป้องกันรักษาสุขภาพตนเองอย่างระแวดระวัง นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 5 พ.ค. ที่ผ่านมาจำนวนผู้ป่วยหนักมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 0.03 อัตราการเสียชีวิตมีเพียงร้อยละ 0.02 อัตราผู้ป่วยอาการปานกลางคิดเป็นร้อยละ 0.22 จึงจะเห็นได้ว่าความเสี่ยงต่อสุขภาพที่เกิดจากโรคระบาดค่อนข้างต่ำ ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่า เพียงพวกเราเตรียมพร้อม ก็จะสามารถเอาชนะภัยคุกคามจากสถานการณ์แพร่ระบาดได้อย่างแน่นอน ขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินควร
ในช่วงโค้งสุดท้ายของสถานการณ์แพร่ระบาด ขอให้ทุกคนยังคงให้ความร่วมมือในการสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือให้สะอาด สำหรับประชาชนที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบ 3 โดส ควรรีบไปเข้ารับวัคซีนโดยเร็ว พร้อมทั้งมีความระมัดดระวังในป้องกันรักษาสุขภาพของตนเอง
ท้ายนี้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโรคระบาด ข้าพเจ้าขอให้ประชาชนทุกคนร่วมติดตามข่าวสารและแนวทางการป้องกันโรคระบาดล่าสุดอย่างใกล้ชิด โดยพวกเรายังคงต้องประสานสามัคคี ระแวดระวังแต่ไม่ตื่นตระหนก จึงจะสามารถเอาชนะความท้าทายจากสถานการณ์แพร่ระบาดในระลอกนี้ได้อย่างราบรื่น