ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
8 พ.ค. เป็นต้นไป CECC ปรับมาตรการตีกรอบผู้สัมผัสใกล้ชิด ให้เป็นญาติมิตรที่พำนักร่วมกัน สำหรับสถานประกอบการและสถานศึกษา ให้กำหนดมาตรการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิดตามความเหมาะสม พร้อมยกเลิกมาตรการผูกสัญญาณอุปกรณ์สื่อสารของผู้กักตัวที่บ้าน
2022-05-10
New Southbound Policy。8 พ.ค. เป็นต้นไป CECC ปรับมาตรการตีกรอบผู้สัมผัสใกล้ชิด ให้เป็นญาติมิตรที่พำนักร่วมกัน สำหรับสถานประกอบการและสถานศึกษา ให้กำหนดมาตรการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิดตามความเหมาะสม พร้อมยกเลิกมาตรการผูกสัญญาณอุปกรณ์สื่อสารของผู้กักตัวที่บ้าน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
8 พ.ค. เป็นต้นไป CECC ปรับมาตรการตีกรอบผู้สัมผัสใกล้ชิด ให้เป็นญาติมิตรที่พำนักร่วมกัน สำหรับสถานประกอบการและสถานศึกษา ให้กำหนดมาตรการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิดตามความเหมาะสม พร้อมยกเลิกมาตรการผูกสัญญาณอุปกรณ์สื่อสารของผู้กักตัวที่บ้าน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กรมควบคุมโรค วันที่ 7 พ.ค. 65
 
เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ของไต้หวัน แถลงว่า เนื่องจากในระยะนี้สถานการณ์โรคระบาดในประเทศค่อนข้างรุนแรง เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและความยืดหยุ่นในการป้องกันโรคระบาด เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 6 พ.ค. CECC ได้เชิญเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นในพื้นที่ต่างๆ เข้าร่วมแลกเปลี่ยนในประเด็นว่าด้วยการปรับมาตรการกักตัวที่บ้าน  โดยบทสรุปหลังเสร็จสิ้นการประชุมด้านการป้องกันโรคระบาดที่ CECC จัดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 พ.ค. มีใจความสำคัญดังนี้

1. ผู้สัมผัสใกล้ชิดคือญาติมิตรที่พำนักร่วมกัน  สำหรับสถานประกอบการและสถานศึกษาให้กำหนดมาตรการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิดตามความเหมาะสม โดยให้พิจารณาวันลาหยุดและหยุดการเรียนการสอนเพื่อป้องกันโรคระบาดตามระดับความเสี่ยง เพื่อป้องกันการติดเชื้อเป็นวงกว้าง

2. ปรับมาตรการการออกหนังสือแจ้งการกักตัวที่บ้าน

เพื่อรักษาเสถียรภาพในการป้องกันโรคระบาดของหน่วยสาธารณสุข การออกหนังสือแจ้งการกักตัวจะอนุมัติให้เฉพาะสมาชิกครอบครัวที่พำนักร่วมกับผู้ป่วยยืนยันและเพื่อนนักศึกษาที่พำนักร่วมห้องเท่านั้น หากมีความจำเป็นต้องขยายการตีกรอบผู้สัมผัสเพิ่มเติม ต้องยื่นขออนุมัติเป็นกรณีพิเศษ โดยมาตรการทั้งระบบเก่าและใหม่จะดำเนินควบคู่กันไป นับตั้งแต่วันที่มีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ CECC ยังได้อนุมัติการส่งหนังสือแจ้งว่าด้วยการกักตัวที่บ้านและหนังสือแจ้งการกักตัวและเข้ารับการรักษาของผู้ป่วยยืนยันเป็นรายกรณี ผ่านทางระบบออนไลน์ หากรัฐบาลท้องถิ่นมีคำแนะนำที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ให้ยื่นเสนอภายใน 3 วัน

3. ในระหว่างที่ผู้ป่วยยืนยันแยกกักตัวเพื่อเข้ารับการรักษา หรือเข้าระบบการดูแลตัวเองที่บ้าน (Home Isolation ) และผู้เดินทางมาจากต่างประเทศที่ต้องกักตัวเพื่อสังเกตอาการที่บ้าน ยังคงต้องดำเนินมาตรการผูกสัญญาณอุปกรณ์สื่อสาร แต่ให้ยกเลิกมาตรการผูกสัญญาณอุปกรณ์สื่อสารของกลุ่มเสี่ยงที่เข้ารับการกักตัวเพื่อสังเกตอาการที่บ้าน

เมื่อคำนึงถึงคุณสมบัติพิเศษของเชื้อไวรัสโควิด – 19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยอาการเบาหรือไม่มีอาการ ประกอบกับภาคประชาชนต่างให้ความร่วมมือต่อมาตรการการกักตัวที่บ้านอย่างเคร่งครัด โดยในระยะนี้ ยอดผู้กักตัวมีจำนวนมาก จนไม่สามารถออกหนังสือแจ้งได้ทันภายใน 3 วัน ทาง CECC จึงขอประกาศยกเลิกมาตรการผูกสัญญาณอุปกรณ์สื่อสารของผู้ที่กักตัวตามหลักการ 3+4 หรือกักตัวในบ้าน 3 วัน และวันที่ 4  หากผลตรวจ ATK เป็นลบ สามารถออกจากบ้านได้

4. ก่อนปลายเดือนพ.ค. นี้ ขอให้รัฐบาลท้องถิ่นเร่งจัดตั้งสถานกักตัวและโรงแรมกักตัวตามสัดส่วนประชากรในพื้นที่ ซึ่งสามารถอ้างอิงตามหลักการว่าด้วยการจัดตั้งสถานกักตัวและโรงแรมสำหรับการกักตัวที่ CECC ระบุไว้อย่างชัดเจน เพื่อบรรลุกลไกการดูแลและคัดแยกผู้ป่วยอาการหนัก – เบาอย่างมีประสิทธิภาพ

ท้ายนี้ CECC ขอเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนร่วมรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ส่วนรวม ด้วยการให้ความร่วมมือต่อแนวทางการป้องกันโรคระบาดของรัฐบาล ที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์โรคระบาดล่าสุด ด้วยการเร่งเข้ารับวัคซีนให้ครบโดส ป้องกันรักษาสุขภาพของตนอย่างระแวดระวัง และใส่ใจในด้านสุขอนามัยด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือและรักษาระยะห่างทางสังคม และอย่าลืมวัดอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าสู่สถานที่สาธารณะ พร้อมทั้งดาวน์โหลดและประยุกต์ใช้ “App ระยะห่างทางสังคมไต้หวัน” สำหรับผู้ป่วยยืนยันต้องรายงานตัวใน “ระบบแสดงตัวเพื่อการสอบสวนโรคเฉพาะกรณีสำคัญ” เพื่อมุ่งมั่นในการรักษาความมั่นคงด้านการป้องกันโรคระบาดภายในประเทศให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป