ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 31 พ.ค.65
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับนางลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกของสหรัฐฯ และคณะ พร้อมยืนยันถึงความเป็นหุ้นส่วนสำคัญทางเศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกระหว่างกันของไต้หวันกับสหรัฐฯ รวมถึงเน้นย้ำว่า ไต้หวันจะแสดงเจตจำนงอย่างต่อเนื่อง ในการขอเข้าร่วมกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้เสนอให้มีการจัดตั้ง และคาดหวังว่าในระยะเวลาอันสั้นนี้ ไต้หวันกับสหรัฐฯ จะร่วมกันวางแผนแนวทางความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และร่วมกันสานต่อความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้าระดับทวิภาคีระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ในเชิงลึกต่อไป
ปธน.ไช่ฯแถลงว่า ไต้หวันกับสหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนสำคัญด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างกันในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก โดยร่วมกันต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และยังร่วมกันปกป้องคุณค่าของเสรีภาพและประชาธิปไตย นับจากต้นปีนี้ที่รัสเซียรุกรานยูเครน ไต้หวันกับสหรัฐฯ ต่างทำการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย และยังได้ส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ยูเครนด้วย
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ในเดือนกรกฎาคม 2021 วุฒิสมาชิกดักเวิร์ธได้นำคณะวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เสนอ “ร่างกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนกับไต้หวัน” (Taiwan Partnership Act) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ด้วยเหตุนี้เอง กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จึงได้เร่งวางแผนจัดทำโครงการความร่วมมือและแลกเปลี่ยนระหว่างกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิของแต่ละมลรัฐกับกองทัพของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และในระยะนี้ วุฒิสมาชิกดักเวิร์ธยังได้เพิ่มการเสนอร่างกฎหมายที่ส่งเสริมให้การวางกำลังทหารของกองทัพสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ต้องพิจารณาถึงความมั่นคงปลอดภัยของไต้หวันเป็นอันดับแรก
ปธน.ไช่ฯ ย้ำว่า ไต้หวันจะแสดงเจตจำนงอย่างต่อเนื่องในการขอเข้าร่วมกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เป็นฝ่ายเสนอให้มีการจัดตั้งขึ้น รวมทั้งคาดหวังว่า ในระยะเวลาอันสั้นนี้ ไต้หวันกับสหรัฐฯ จะร่วมกันวางแผนในการสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และร่วมกันสานต่อความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจการค้าระดับทวิภาคีระหว่างไต้หวันกับสหรัฐในเชิงลึกต่อไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ขอถือโอกาสนี้ แสดงความขอบคุณต่อสหรัฐฯ ที่ได้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในการประชุมสมัชชาอนามัยโลกที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และการเดินทางมาเยือนของคณะวุฒิสมาชิกในครั้งนี้ ก็ยิ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ามิตรภาพระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ที่มีความ “แข็งแกร่งดุจหินผา” อย่างแท้จริง
ต่อมา วุฒิสมาชิกดักเวิร์ธ ได้กล่าวปราศรัยว่า สหรัฐฯ กับไต้หวันจะยืนอยู่เคียงข้างกัน โดยจะไม่ให้ไต้หวันต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป ก็เหมือนกับเมื่อปีที่แล้วที่ตนมีโอกาสเดินทางมาเยือนไต้หวันและได้ประกาศบริจาควัคซีนล็อตแรกให้แก่ไต้หวัน ในขณะนั้นสหรัฐฯ ได้บริจาควัคซีนให้หลายประเทศ โดยไต้หวันเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่ได้รับการบริจาคในชุดแรก ซึ่งถือเป็นบทพิสูจน์ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนที่เป็นรูปธรรมระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ด้วย
วุฒิสมาชิกดักเวิร์ธยังกล่าวถึงช่วงแรกที่เกิดการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้สายการผลิตจำนวนมากในสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงักลงโดยสิ้นเชิง แต่เนื่องจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันยังสามารถทำการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้สหรัฐสามารถรักษาตำแหน่งงานนับหมื่นอัตราเอาไว้ได้ ทำให้คนเหล่านี้ไม่ต้องตกงาน พวกเขายังมีงานทำและมีอาหาร เรารู้สึกขอบคุณไต้หวันในเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง
วุฒิสมาชิกดักเวิร์ธ ระบุว่า การเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ สิ่งที่ต้องการเน้นย้ำเป็นพิเศษคือ สหรัฐฯจะให้การสนับสนุนไต้หวันในด้านความมั่นคง โดยในระยะนี้ตนได้ผลักดัน “ร่างกฎหมายว่าด้วยการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ความมั่นคงของไต้หวันปี 2022” (Strengthen Taiwan’s Security Act of 2022) ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านของสหรัฐฯ ในความเป็นจริงแล้วความสนับสนุนที่เรามีให้แก่ไต้หวันไม่เฉพาะในด้านการทหารเท่านั้น แต่ยังมีด้านเศรษฐกิจด้วย สำหรับกรณีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผลักดันให้มีการยกระดับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและความมั่นคงระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯ ให้สูงขึ้นนั้น วุฒิสมาชิกดักเวิร์ธเปิดเผยเป็นกรณีพิเศษว่า ตนสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง
ในช่วงท้ายสุด วุฒิสมาชิกดักเวิร์ธยังระบุว่า รัฐสภาสหรัฐฯ มีพลังสนับสนุนอันแข็งแกร่งที่มาจากฝ่ายรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน ในการที่จะให้ความสนับสนุนต่อไต้หวัน และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสนับสนุนของท่านที่มีต่อไต้หวัน สหรัฐฯ กับไต้หวันจะยืนอยู่เคียงข้างกันตลอดไป นี่คือฉันทามติร่วมกันของทั้งพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านของสหรัฐฯ