กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 1 มิ.ย. 65
เกี่ยวกับกรณีที่ไต้หวันกับสหรัฐฯประกาศเดินหน้า “แผนริเริ่มการค้าระหว่างไต้หวัน-สหรัฐฯแห่งศตวรรษที่ 21” เมื่อคืนวันที่ 1 มิ.ย.ตามเวลาในไต้หวัน นั้น กต.ไต้หวันขอชี้แจงดังนี้
หลังจากที่นายเติ้งเจิ้นจง รัฐมนตรีประจำสภาบริหาร สาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) กับ Ms.Katherine Tai ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ได้พบปะหารือกันที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา รมว.เติ้งฯ ก็ได้ร่วมหารือกับ Ms. Sarah Bianchi รองผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในวันที่ 1 มิถุนายนนี้ พร้อมประกาศเดินหน้า “แผนริเริ่มการค้าระหว่างไต้หวัน-สหรัฐฯแห่งศตวรรษที่ 21”(U.S.-Taiwan Initiative on 21st Century Trade) เพื่อเป็นการวางโรดแมปสำหรับการเจรจาที่จะนำไปสู่การร่วมลงนามความตกลงทางเศรษฐกิจและการค้าที่มีมาตรฐานระดับสูงระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯในอนาคต ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องกันว่า จะเปิดการเจรจาหารือระหว่างกันครั้งที่ 1 ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ กระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ขอแสดงความยินดีและสนับสนุนที่ไต้หวันกับสหรัฐประกาศ ยกระดับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีด้านเศรษฐกิจและการค้าให้ก้าวไปสู่บริบทใหม่ ภายใต้สภาวการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายมีพลังขับเคลื่อนและเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาหารือกัน เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า แผนการริเริ่มดังกล่าวจะบังเกิดผลสำเร็จในเร็ววัน
โดย “แผนริเริ่มการค้าระหว่างไต้หวัน-สหรัฐฯแห่งศตวรรษที่ 21” มีเนื้อหาที่ครอบคลุมหลากหลายประเด็น อาทิ เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การค้าดิจิทัล การอำนวยความสะดวกทางด้านการค้า หลักเกณฑ์การตรากฎหมาย วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การกำหนดมาตรฐาน และนโยบาย non-market economy (NME) เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นประเด็นสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกในปัจจุบัน และเป็นการเน้นย้ำถึงความเป็นหุ้นส่วนทางการค้าระหว่างไต้หวันกับสหรัฐที่คำนึงถึงอีกฝ่ายเป็นอันดับแรก จัดเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่มีนัยยะสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
จากแผนริเริ่มที่เป็นการเปิดบริบทใหม่นี้ คาดว่าจะส่งผลต่อความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไต้หวันกับสหรัฐฯให้มีการพัฒนามากขึ้นในทุกมิติ รวมทั้งมีความเป็นรูปธรรมมากขึ้นและก้าวล้ำยุคสมัย ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้ไต้หวันสามารถเชื่อมโยงเข้ากับเศรษฐกิจโลก อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงลึกระหว่างไต้หวันกับสหรัฐในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกในอนาคตอีกด้วย
กระทรวงการต่างประเทศจะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานด้านเศรษฐกิจและการค้าของไต้หวัน ในการส่งเสริมการยกระดับความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการผลักดันภารกิจที่เกี่ยวกับแผนริเริ่มด้านเศรษฐกิจและการค้า ตลอดจนแสวงหาโอกาสในการขอเข้าร่วมกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) อย่างไม่ย่อท้อ เพื่อร่วมกันส่งเสริมเสรีภาพ การเปิดกว้าง เสถียรภาพและความรุ่งเรืองในภูมิภาคสืบไป