กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 8 มิ.ย. 65
ในวันที่ 8 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงระหว่างที่ “คณะตัวแทนสมาชิกรัฐสภาสาธารณรัฐสโลวัก และผู้ว่าการกรุงบราติสลาวา” เดินทางเยือนไต้หวัน นายหลี่หนานหยาง ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำสโลวัก และ Mr. Martin Podstavek ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสโลวักประจำกรุงไทเป ได้ร่วมลงนาม “ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางกระบวนการยุติธรรมในคดีแพ่งและพาณิชย์ ระหว่างสำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันในสโลวัก – สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมสโลวักประจำกรุงไทเป” โดยมี Hon. Milan Laurenčík รองประธานรัฐสภาสาธารณรัฐสโลวัก นายไช่จ่วงตุน รองประธานสภาตุลาการ นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายไช่ชิงเสียง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) มาร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งความตกลงฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้ในทันทีหลังเสร็จสิ้นการลงนาม
ความตกลงฉบับดังกล่าวเป็นความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางกระบวนการยุติธรรมในคดีแพ่งและพาณิชย์ฉบับแรก ของไต้หวันและประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งเปี่ยมด้วยนัยยะที่สำคัญยิ่ง อีกทั้งยังเป็นความตกลงทางความร่วมมือทางกระบวนการยุติธรรมฉบับที่ 2 ที่ไต้หวันร่วมลงนามกับต่างชาติ โดยความตกลงฉบับนี้ ได้มีการเจรจาผลักดันร่วมกันมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 แล้ว ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของสภาตุลาการ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตัวแทนไต้หวันในสโลวักแล้ว ก่อนที่จะได้รับความเห็นพ้องจากทั้งสองฝ่ายและมีการลงนามอย่างราบรื่นในครั้งนี้ โดยสาระสำคัญของความตกลงฉบับนี้ ประกอบด้วย การแลกเปลี่ยนข้อมูลกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเชิงแพ่งและพาณิชย์ แบ่งปันประสบการณ์ความร่วมมือในเชิงรูปธรรม ให้ความช่วยเหลือกันในคดีแพ่งและพาณิชย์ ตลอดจนจัดการประชุมหารือร่วมกันเป็นประจำ เป็นต้น โดยการลงนามในความตกลงฉบับนี้ จะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกลไกความร่วมมือทางการแลกเปลี่ยนของคดีแพ่งและพาณิชย์ ระหว่างไต้หวัน – สโลวัก และแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างไต้หวัน - สโลวัก ซึ่งยึดมั่นในแนวคิดคล้ายคลึงกันในค่านิยมด้านประชาธิปไตยและหลักธรรมาภิบาล
หลังจากปี 2003 ที่ไต้หวัน – สโลวัก ได้จัดตั้งสำนักงานตัวแทนในดินแดนระหว่างกัน ทั้งสองประเทศก็ได้เร่งพัฒนาความสัมพันธ์ในเชิงลึกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งขยายความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางความร่วมมือในส่วนต่างๆ อย่างเต็มที่ โดยในอนาคต กระทรวงการต่างประเทศ จะมุ่งมั่นประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและกลุ่มองค์กรเอกชนในการเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันกับสโลวักในด้านอื่นๆ ผ่านวิธีการและรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น