กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 10 มิ.ย. 65
เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ร่วมสนทนาผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับ Serhii Petrovych Dumenko สมเด็จพระสังฆราชแห่งคริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ในกรุงเคียฟและทั่วยูเครน (His Beatitude Epiphanius I, Primate of the Orthodox Church of Ukraine, Metropolitan Epiphanius of Kyiv and All Ukraine) โดยรมว.อู๋ฯ ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนไต้หวัน ในการบริจาคเงินจำนวน 700,000 เหรียญสหรัฐฯ พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ประชาคมโลกของกระทรวงการต่างประเทศ จำนวน 500,000 เหรียญสหรัฐฯ รวมเป็น 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้แก่คริสตจักรอีสเทิร์นออร์โธดอกซ์ เพื่อส่งมอบให้ทางคริสตจักรนำไปช่วยบรรเทาทุกข์แก่เหล่าประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ตลอดจนใช้ในการบูรณะฟื้นฟูคริสตจักรเดิมที่ได้ถูกทำลายจากสงคราม พร้อมหวังว่า ชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจ จะสามารถก้าวผ่านความยากลำบากเหล่านี้ผ่านความเชื่อทางศาสนาของนิกายออร์โธดอกซ์ได้ ซึ่งนี่เป็นอีกครั้งที่รมว.อู๋ฯ ส่งผ่านความห่วงใยที่ชาวไต้หวันมีต่อชาวยูเครนด้วยใจจริง หลังจากได้สนทนากับนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เมืองหลวงแห่งยูเครนเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา และการร่วมพูดคุยกับนายกเทศมนตรีเมืองคาร์คิฟ ผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 65
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า นอกจากสมเด็จพระสังฆราชแห่งยูเครนจะเป็นผู้นำทางศาสนาของยูเครนแล้ว ยังเป็นผู้นำของขบวนการขับเคลื่อนทางสังคมอีกด้วย นับตั้งแต่ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนเป็นต้นมา สมเด็จพระสังฆราชได้ประสานความร่วมมือกับกลุ่มบาทหลวงที่เป็นผู้นำในแต่ละท้องถิ่นของยูเครน โดยให้ใช้คริสตจักรเป็นพื้นที่หลบภัยสำหรับชาวยูเครน ช่วยให้ประชาชนรอดพ้นจากการได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากภัยสงคราม รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า สงครามในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการทำลายความสงบสุขในประเทศยูเครนแล้ว ยังทำให้สภาพจิตใจของประชาชนได้รับผลกระทบจากความสูญเสียและความกดดันครั้งรุนแรงด้วย ซึ่งต้องอาศัยการปลอมประโลมทางจิตใจจากศาสนา เพื่อช่วยเสริมพลังในทางบวกต่อไป รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมา ไต้หวันก็ได้รับแรงกดดันและการข่มขู่จากประเทศเพื่อนบ้านมาเป็นเวลานาน จึงมีความเข้าใจต่อสภาพจิตใจของประชาชนชาวยูเครนอย่างลึกซึ้ง พร้อมทั้งยินดีส่งมอบความช่วยเหลือตามกำลังที่ตนมีให้แก่ยูเครน โดยกลุ่มประเทศประชาธิปไตยควรยึดมั่นในค่านิยมเช่นเดียวกันในการสนับสนุนยูเครนให้ก้าวผ่านความยากลำบากในครั้งนี้ เชื่อว่า ในท้ายที่สุด ฝ่ายประชาธิปไตยจะสามารถคว้าชัยชนะมาครองได้ในที่สุด
สมเด็จพระสังฆราชแห่งยูเครน ชี้ว่า ดินแดนยูเครนถูกบุกโจมตีโดยกองทัพทหารของรัสเซียจนเสียหายยับเยิน จึงขอเรียกร้องให้สาธารณชนทั่วโลกควรประสานสามัคคี บนพื้นฐานของแนวคิดการให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันทางมนุษยธรรม และแนวคิดการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนตามคำสอนของทุกศาสนา เชื่อว่าจะสามารถสำแดงพลังสามัคคีในการต่อต้านประเทศเผด็จการออกมาได้อย่างเต็มที่ โดยการส่งมอบน้ำใจของชาวไต้หวันที่มีต่อยูเครน ได้สร้างความซาบซึ้งใจให้แก่ชาวยูเครนเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยน้ำใจจากไต้หวัน โดยเทศบาลทั้ง 6 ในยูเครนทั้งกรุงเคียฟ เมืองคาร์คิฟ และหน่วยงานทางการแพทย์รวม 7 แห่งในแคว้นลวิวและเมืองนิโคลาเยฟ ก็ได้รับการให้ความช่วยเหลือโดยตรงจากไต้หวันเช่นกัน ซึ่งนอกจากน้ำใจของไต้หวันจะเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังแห่งความดีและความเป็นธรรมแล้ว ยังเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่า ระยะทางมิอาจขวางกั้นการยอมรับในค่านิยมสากลของทั้งสองฝ่าย รวมถึงการยึดมั่นในการธำรงรักษาสิทธิมนุษยชน และการแสวงหาสันติภาพได้ โดยสมเด็จพระสังฆราชได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของชาวยูเครนและสานุศิษย์ของนิกายออร์โธดอกซ์ แสดงความขอบคุณต่อไต้หวันสำหรับความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที พร้อมร่วมอวยพรให้ชาวไต้หวันมีสันติสุข สุขภาพร่างกายแข็งแรง รอดพ้นจากการถูกคุกคามโดยประเทศภายนอก ซึ่งก่อนเสร็จสิ้นการสนทนา รมว.อู๋ฯ ได้กล่าวอวยพรแก่ยูเครนด้วยภาษายูเครนว่า “ขอให้พระเจ้าคุ้มครองยูเครน” ซึ่งได้รับรอยยิ้มและการตอบรับคำอวยพรเช่นเดียวกันจากสมเด็จพระสังฆราช
นับตั้งแต่วันที่ 24 ก.พ. ที่รัฐบาลรัสเซียบุกโจมตียูเครนด้วยกำลังทหารเป็นต้นมา รัฐบาลไต้หวันก็ได้ร่วมประณามต่อแผนปฏิบัติการของรัสเซียที่กระทำต่อยูเครน พร้อมประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซีย ร่วมกับกลุ่มประชาคมโลกในทันที นอกจากนี้ ไต้หวันยังได้ระดมเงินบริจาคจากประชาชน ผ่านมูลนิธิบรรเทาภัยพิบัติ (Relieve Disaster Foundation) ซึ่งรวบรวมเป็นเงินจำนวน 33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อบริจาคให้แก่กลุ่มประเทศในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก และกลุ่มประเทศที่ตั้งอยู่ในแถบคาบสมุทรบอลติก ที่เปิดรับผู้ลี้ภัยชาวยูเครนให้เดินทางมาหลบหนีภัยสงคราม ตลอดจนบริจาคให้แก่กรุงเคียฟและหน่วยงานการแพทย์ใน 7 พื้นที่ที่ประสบภัยสงครามในยูเครน รวมถึงองค์การนอกภาครัฐ โดยเงินที่เหลือก็ได้บริจาคให้แก่คริสตจักรฯ โดย กต.ไต้หวันจะชี้แจงรายละเอียดการใช้จ่ายเงินบริจาคจากบัญชีสำหรับให้ความช่วยเหลือในวิกฤตยูเครน เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมรับทราบในภายหลังต่อไป
การบุกโจมตียูเครนของรัสเซียได้ดำเนินมาเป็นระยะเวลากว่า 3 เดือนแล้ว ซึ่งไต้หวันได้ยืนหยัดในจุดยืนของการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพด้วยอาวุธทางทหารและการบีบบังคับ พร้อมทั้งสนับสนุนความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกาสากล โดยไต้หวันจะสร้างความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิคคล้ายคลึงกันต่อไป เพื่อให้ความช่วยเหลือในการเร่งฟื้นฟูสันติภาพให้เกิดแก่ยูเครน และเพื่อบูรณะให้ประเทศยูเครนกลับสูสภาวะปกติโดยเร็ววัน ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนชาวยูเครนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ดังเดิม