คณะกรรมการกิจการสิทธิมนุษยชน วันที่ 12 ก.ค. 65
 
เพื่อส่งเสริมงความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนในประเด็นสิทธิมนุษยชน ระหว่างไต้หวันและฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา นางสาวเฉินจวี๋ ประธานคณะกรรมการกิจการสิทธิมนุษยชน สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และ Mr. Jean-Francois Casabonne-Masonnave ผู้แทนรัฐบาลฝรั่งเศสประจำไต้หวัน ได้ร่วมลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเจตจำนงทางความร่วมมือระหว่างกัน
 
เฉินฯ แถลงว่า การที่ไต้หวันเป็นสังคมที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพ ประชาธิปไตยและความหลากหลายในปัจจุบัน เป็นผลมาจากการที่ไต้หวันได้ก้าวผ่านการปกครองในระบอบเผด็จการเมื่อครั้งในอดีต ผ่านความพยายามอย่างเต็มที่ของประชาชนในประเทศ เช่นเดียวกันกับการปฏิวัติในฝรั่งเศส โดยไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตยในทุกวันนี้ มีแนวคิดที่คล้ายคลึงกับฝรั่งเศส ซึ่งต่างก็ยึดมั่นในค่านิยมด้านเสรีภาพ ความยุติธรรมและความรักต่อเพื่อนมนุษย์ในสังคม อีกทั้งยังมุ่งมั่นเพื่อปกป้องประชาธิปไตยและสร้างหลักประกันด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นค่านิยมที่ทั้งสองฝ่ายยึดมั่นร่วมกัน และเป็นพื้นฐานของการประสานความร่วมมือในครั้งนี้ เฉินฯ ระบุว่า สิทธิมนุษยชนเป็นค่านิยมสากลที่ไร้ขีดจำกัดด้านพรมแดน โดยในอนาคต นอกจากหน่วยงานไต้หวันจะเร่งผลักดันความร่วมมือแบบทวิภาคีในประเด็นสิทธิมนุษยชนระหว่างไต้หวัน - ฝรั่งเศสแล้ว ยังหวังที่จะประสานความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ รวมไปถึงสังคมพลเรือน เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และข้อมูลที่เกี่ยวข้องระหว่างกันต่อไป
 
 Mr. Jean-Francois Casabonne-Masonnave ชี้ว่า ผลกระทบที่ลัทธิเอกภาคีนิยมมีต่อค่านิยมสากล และข้อคิดที่ได้รับจากสงครามสู้รบระหว่างรัสเซีย - ยูเครน เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญของการประสานความร่วมมือระดับนานาชาติ ซึ่งไต้หวันเป็นพันธมิตรที่สำคัญของฝรั่งเศสในการผลักดันสิทธิมนุษยชนในพื้นที่ภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – ฝรั่งเศส เป็นไปอย่างกระตือรือร้นและแนบแน่น เช่น ในช่วงที่ผ่านมา ผู้แทนคณะกรรมาธิการด้านสิทธิมนุษยชนของฝรั่งเศส ได้เดินทางเยือนไต้หวัน 2 ครั้ง จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมเรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในประเด็นสิทธิมนุษยชนระหว่างไต้หวัน - ฝรั่งเศส พร้อมทั้งคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคตจะสามารถผลักดันความร่วมมือแบบพหุภาคีและการเจรจาระหว่างหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างไต้หวัน ฝรั่งเศสและกลุ่มประเทศในยุโรปต่อไป