สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วันที่ 20 ก.ค. 65
เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศผลการประเมินด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ทั่วโลก ปี 2022 โดยไต้หวันยังคงได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มเทียร์ 1 (Tier 1) ด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ติดต่อกันเป็นปีที่ 13 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับสหรัฐฯ และอังกฤษ ที่เป็นระดับสูงสุดของการประเมินผล จึงเห็นได้ว่า ภารกิจการปราบปรามการค้ามนุษย์ที่ผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและประชาชน ได้รับผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ และได้รับการยอมรับจากประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง
กระทรวงมหาดไทย สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า การที่ไต้หวันถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเทศเทียร์ 1 ถือเป็นการให้การยอมรับต่อการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน แต่มิได้หมายความว่าจะไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ แต่หากเป็นการมองที่รัฐบาลและประชาชนต่างตระหนักถึงความรุนแรงของการค้ามนุษย์ที่ส่งผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และพร้อมที่จะจับมือกันแก้ไขปัญหา ตลอดจนรายงานถึงความคืบหน้าในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
ต่อกรณีที่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ระบุถึงข้อชี้แนะในรายงานการประเมินผล อาทิ การเร่งตรวจสอบเรือประมงสัญชาติไต้หวันและเรือชักธงสะดวก (flag of convenience) ที่ได้รับแจ้งว่ามีการแสวงหาผลประโยชน์จากการกดขี่แรงงานในอุตสาหกรรมการประมงนอกน่านน้ำไต้หวัน ขยายขอบเขตการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ให้แผ่ขยายครอบคลุมไปยังท่าเรือที่ได้รับการอนุมัติในพื้นที่รอบนอก พร้อมทั้งจัดให้มีล่ามแปลภาษาติดตามในระหว่างการตรวจสอบ โดยเฉพาะภาษาอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ตลอดจนผลักดันการบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของแรงงาน ที่เกี่ยวข้องกับการห้ามยึดบัตรประชาชนของแรงงานต่างชาติหรือเอกสารการเดินทางเข้า – ออกระหว่างประเทศ ซึ่งข้อชี้แนะส่วนมากได้มีการระบุลงใน “แผนปฏิบัติการต่อต้านการกดขี่และขูดรีดแรงงาน ปี 2021 - 2022” โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินภารกิจการป้องกันและปราบปรามที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนนำเข้าหารือในที่ประชุม “โครงการประสานงานว่าด้วยการปราบปรามการค้ามนุษย์ และการขจัดการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติของสภาบริหาร” เพื่อพิจารณาและปรับแก้ทิศทางการดำเนินการให้ครอบคลุมมากยิ่งๆ ขึ้นไป
กระทรวงมหาดไทยชี้ว่า สภาบริหารไต้หวันให้ความสำคัญต่อประเด็นการคุ้มครองสิทธิแรงงานและผลประโยชน์ของแรงงานประมงต่างชาติในอุตสาหกรรมการประมงนอกน่านน้ำไต้หวัน ซึ่งจะเห็นได้จากเมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2022 ที่ผ่านมา สภาบริหารได้ประกาศบังคับใช้“แผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชนและอุตสาหกรรมการประมง” โดยได้ประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการและองค์กรเอกชนในการผลักดันการเสริมสร้างกลไกการบริหารของบริษัทจัดหางาน พร้อมทั้งยกระดับศักยภาพการตรวจสอบและควบคุม รวม 7 กลุยทธ์ อาทิ การแก้ไข “กฎระเบียบว่าด้วยการว่าจ้างแรงงานประมงต่างชาติในพื้นที่นอกน่านน้ำไต้หวัน” พร้อมกำหนดระเบียบว่าด้วยการชำระค่าตอบแทนเต็มจำนวนให้แก่ลูกเรือประมงโดยตรง โดยไม่ต้องผ่านการชำระผ่านบริษัทจัดหางานในต่างประเทศ ตลอดจนคุ้มครองสิทธขั้นพื้นฐานของแรงงานประมงต่างชาติ มิให้ถูกกดขี่ข่มเหง