ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 27 ก.ค. 65
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วม “พิธีเปิดป้ายคณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และการประกาศพันธกิจของประธานองค์กร” โดยปธน.ไช่ฯ ได้กำชับว่า คณะกรรมการกิจการวิทย์ฯ มีภารกิจที่สำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การเร่งดำเนินการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต การรวบรวมและบูรณาการศักยภาพด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีจากทุกแวดวง และการบ่มเพาะบุคลากรรุ่นใหม่เข้าร่วมในการวิจัยด้านนวัตกรรม โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นเหล่าบุคลากรมีความสามารถในการจับทิศทางสำคัญของโลก และแนวโน้มทางการวิจัยและพัฒนาได้อย่างแม่นยำ เพื่อนำไปสู่การวิจัยเชิงนวัตกรรมรูปแบบใหม่ ทั้งนี้ ก็เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมากขึ้นในการรับมือกับความท้าทายนานาประการในอนาคตต่อไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า วันนี้เป็นวาระ “พิธีเปิดป้ายคณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ” ซึ่งนอกจากจะเป็นหลักชัยที่สำคัญในการเปลี่ยนรูปแบบองค์กรของรัฐบาลแล้ว ในอนาคต หน่วยงานนี้จะทำหน้าที่เป็นศูนย์บัญชาการในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การพัฒนาทางเทคโนโลยีระดับประเทศ เพื่อนำพาโอกาสใหม่ๆ มาสู่การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัลและการพัฒนาทางเทคโนโลยีต่อไป
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า ในยุคหลังสถานการณ์โควิด – 19 ที่ทั่วโลกต้องเผชิญหน้ากับการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานอย่างเร่งด่วน และการบรรลุสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ในปี 2050 ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปี่ยมด้วยความไม่แน่นอนเช่นนี้ ไต้หวันจะต้องรักษาข้อได้เปรียบด้านการพัฒนาของตัวเองเอาไว้ให้ได้ โดยการที่จะขยายตลาดไปสู่ทั่วโลก จำเป็นต้องนำเทคโนโลยีมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันของประเทศ
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า คณะกรรมการกิจการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติจะทำหน้าที่เป็นผู้นำอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องในการจัดตั้งวิสัยทัศน์การพัฒนาทางเทคโนโลยี พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาน โดยปธน.ไช่ฯ ได้กำชับภารกิจหลัก 3 ประการต่อนายอู๋เจิ้งจง ประธานหน่วยงาน ดังนี้ ประการแรก เร่งดำเนินการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต ซึ่งครอบคลุมไปด้วยเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เทคโนโลยีควอนตัม เทคโนโลยีอวกาศ ความมั่นคงทางไซเบอร์และการพัฒนาทางเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นต้น โดยพวกเราต้องเร่งเสริมสร้างบทบาทสำคัญของไต้หวันในแวดวงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ ภายใต้พื้นฐานอันแข็งแกร่งที่มีอยู่เดิม
ประการที่สอง พวกเราต้องบูรณาการศักยภาพด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีเกิดใหม่ อัดฉีดเข้าสู่แวดวงอุตสาหกรรมและทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อส่งเสริมให้พลังทางเทคโนโลยีเสริมสร้างความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงที่รุดหน้ามากยิ่งขึ้นให้แก่ไต้หวัน
ประการสุดท้ายคือการบ่มเพาะบุคลากรรุ่นใหม่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรวมถึงบุคลากรที่เป็นผู้หญิงในการเข้าร่วมการวิจัย การที่ไต้หวันจะสามารถพัฒนาและก้าวต่อไปข้างหน้า จำเป็นต้องต้องบ่มเพาะบุคลากรรุ่นใหม่ๆ อยู่เสมอๆ โดยพวกเราจะต้องเสริมสร้างรากฐานในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น
ปธน.ไช่ฯ เน้นย้ำว่า การจัดตั้งคณะกรรมการกิจการวิทย์ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากนี้ต่อไป พวกเราต้องมุ่งมั่นทุ่มเทในการจับทิศทางและประเด็นสำคัญระดับโลกรวมถึงแนวโน้มทางการวิจัยและพัฒนา เพื่อนำเข้าสู่การวิจัยเชิงนวัตกรรมรูปแบบใหม่ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันมีศักยภาพที่แข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นในการรับมือกับความท้าทายนานาประการในอนาคตต่อไป