สภาบริหาร วันที่ 1 ส.ค. 65
เมื่อวันที่ 1 ส.ค. นายซูเจินชาง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมนานาชาติว่าด้วยการตรวจสอบรายงานแห่งชาติครั้งที่ 2 ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ (CRPD) พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลและประชาชนชาวไต้หวัน ให้การต้อนรับคณะกรรมการตรวจสอบและผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุม เพื่อเสนอแนะข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาในไต้หวันต่อไป โดยนรม.ซูฯ กล่าวว่า แม้ว่าไต้หวันจะมิใช่ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ (UN) แต่รัฐบาลก็ยังคงให้คำมั่นในการยึดมั่นและปฏิบัติตามปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ด้วยการเร่งผลักดันการบัญญัติกฎหมายในประเทศที่สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิมนุษยชนที่ประกาศโดย UN โดยในปัจจุบัน 5 ใน 9 ฉบับภายใต้ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ได้มีการบัญญัติเป็นกฎหมายและมีผลบังคับใช้ภายในประเทศแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้มีการเร่งแก้ไขข้อกฎหมายรวม 449 ข้อที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของคนพิการ พร้อมทั้งกำหนดให้ภาษามือเป็นภาษาราชการในไต้หวัน ประกอบกับก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นในสภาตรวจสอบ และจัดตั้งสำนักงานส่งเสริมความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่าน ขึ้นในสภาบริหาร ตลอดจนนำเสนอผลสัมฤทธิ์ต่างๆ ที่เกิดจากการปฏิบัติภารกิจ ผ่านรูปแบบรายงานแห่งชาติ โดยได้เชิญบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิมนุษยชนระดับนานาชาติที่มีบทบาทสำคัญในด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมาเป็นเวลาระยะยาวนาน เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้
นอกจากนี้ นรม.ซู ยังให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะมุ่งมุ่น จริงใจและประยุกต์ใช้แนวทางที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ ในการผลักดันภารกิจการสร้างหลักประกันทางสิทธิมนุษยชนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าไต้หวันจะสามารถก้าวขึ้นสู่การเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชนมากที่สุดในโลกได้อย่างแน่นอน
นรม.ซูฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้ขอบคุณสมาชิกคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนทุกคนที่ช่วยกำกับดูแลและแนะนำ แนวทางการปฏิบ้ติภารกิจของเจ้าหน้าที่ภาครัฐในทุกภาคส่วน เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาก้าวหน้ายิ่งขึ้น โดยนรม.ซูฯ แถลงว่า รายงานแห่งชาติครั้งที่ 2 ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิของผู้ทุพพลภาพ (CRPD) ยังมีอีกหลายจุดที่ต้องเร่งแก้ไขและพัฒนา จึงขอให้คณะกรรมการตรวจสอบเสนอแนะข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ พร้อมทั้งกำชับให้ทุกกระทรวงและหน่วยงานของภาครัฐเร่งตอบสนองและจัดการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพื่อความสมบูรณ์และครอบคลุม ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้สิทธิมนุษยชนของไต้หวันได้รับการพัฒนาในทิศทางที่ดียิ่งขึ้นสืบไป
