กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 24 ส.ค. 65
เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนระดับแนวหน้าของอินเดีย รวม 8 ราย ประกอบด้วย ZEE MEDIA CORPORATION , ABP NETWORK , TV9 , BBC News India , CNN อินเดีย , NEWS NATION , THE WEEK และ THE TIME GROUPS
โดยรมว.อู๋ฯ ได้ชี้แจงถึงสถานภาพเดิมของสองฝั่งช่องแคบไต้หวันที่ถูกทำลายลง ด้วยการซ้อมรบของจีนในพื้นที่น่านน้ำโดยรอบของไต้หวันในช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นความท้าทายอย่างรุนแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก โดยรมว.อู๋ฯ เรียกร้องให้อินเดียและกลุ่มประเทศประชาธิปไตย เร่งเสริมสร้างความร่วมมือกับไต้หวัน เพื่อร่วมต่อต้านการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อกระทรวงการต่างประเทศของอินเดียที่ได้แสดงความห่วงใยอย่างเปิดเผยต่อสถานภาพสองฝั่งช่องแคบไต้หวันที่ถูกทำลายลงด้วยการซ้อมรบของจีน โดยรมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า การซ้อมรบของจีนในครั้งนี้ ทั้งในด้านพื้นที่ การจัดวางตำแหน่งขีปนาวุธ การรุกล้ำดินแดนไต้หวันและพื้นที่นอกน่านน้ำด้วยเครื่องบินรบ เรือรบและอากาศยานไร้คนขับ รวมถึงการโจมตีผ่านทางไซเบอร์และการเผยแพร่ข่าวปลอม ได้สะท้อนให้เห็นว่า จีนได้ดำเนินการวางแผนมาเป็นเวลานาน โดยใช้ข้ออ้างในกรณีที่ Ms. Nancy Pelosi ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน มาเป็นตัวจุดชนวนที่ทำให้จีนสามารถปฏิบัติการฝึกซ้อมตามแผนการโจมตีไต้หวันที่ได้จัดเตรียมไว้มาเป็นเวลานาน รมว.อู๋ฯ ชี้แจงว่า ความทะเยอทะยานของจีนมิได้จำกัดเพียงเฉพาะต่อไต้หวันเท่านั้น โดยจีนได้ใช้โครงการ “Belt and Road Initiative” (BRI) ในการแผ่ขยายอำนาจไปสู่ศรีลังกา เมียนมา กัมพูชา บังกลาเทศ ปากีสถาน และ สาธารณรัฐจิบูตี เป็นต้น และได้วางกับดักหนี้สินให้ประเทศต่างๆ ตกเป็นทาสภาระหนี้ เพื่อที่จีนจะสามารถเข้ายึดครองฐานในต่างประเทศ และเพื่อแผ่ขยายอิทธิพลทางการเมือง การทหารและเศรษฐกิจไปสู่บริเวณโดยรอบ โดยไต้หวัน – อินเดียต่างก็เป็นประเทศประชาธิปไตยที่ต้องเผชิญหน้ากับการคุกคามทางทหารจากรัฐบาลจีน จึงควรประสานความร่วมมือระหว่างกัน ในการต่อต้านการรุกล้ำและการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการอย่างสามัคคี
รมว.อู๋ฯ ย้ำอีกว่า ความมุ่งมั่นในการปกป้องอำนาจอธิปไตย และวิถีชีวิตแห่งประชาธิปไตยและเสรีภาพของประชาชนไต้หวัน ยังคงหนักแน่นไม่สั่นคลอน โดยไต้หวันจะยกระดับแสนยานุภาพด้านกลาโหมอย่างต่อเนื่อง พร้อมเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อร่วมส่งเสริมให้พื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก คงไว้ซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนสืบไป
รมว.อู๋ฯ แถลงอีกว่า อินเดียเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งไต้หวัน – อินเดียต่างก็ยึดมั่นในค่านิยมสากลด้านประชาธิปไตย เสรีภาพ เช่นเดียวกัน โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายต่างประสานความร่วมมือระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน เทคโนโลยีขั้นสูง เซมิคอนดักเตอร์ วัฒนธรรมและศาสนา ปัจจุบัน ไต้หวันมีนักศึกษาชาวอินเดียที่เดินทางมาศึกษาต่อ เป็นจำนวนรวมกว่า 2,500 คน ในจำนวนนี้ มีนักศึกษาปริญญาเอกนับพันที่กำลังศึกษาในหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต ซึ่งครองสัดส่วนมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในอนาคต บุคลากรเหล่านี้จะเป็นสะพานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - อินเดียต่อไป โดยรมว.อู๋ฯ ยังได้ขอบคุณสื่อมวลชนของอินเดียที่ได้รายงานและเผยแพร่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - อินเดียในทิศทางเชิงบวก และประสบความสำเร็จในการส่งเสริมให้ประชาชนาทั้งสองฝ่ายเกิดความเข้าใจและมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน ซึ่งไต้หวันจะเร่งเสริมสร้างความร่วมมือกับอินเดียในเชิงลึก เพื่อยกระดับความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนให้เกิดความแนบแน่นยิ่งๆ ขึ้นไป
โดยสื่อมวลชนระดับแนวหน้าทั้ง 8 ของอินเดียข้างต้น มีผู้ติดตามข่าวสารวันละนับร้อยล้านคน ซึ่งนอกจากจะมีการเผยแพร่ในอินเดียแล้ว ยังเป็นสื่อที่ได้รับความสนใจในกลุ่มประเทศเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง แอฟริกา และยุโรป จึงนับว่าเป็นสื่อมวลชนที่ทรงอิทธิพลในระดับนานาชาติด้วย