กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 10 ต.ค. 65
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานราตรีฉลองวันชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ขึ้น ณ Taipei Guest House กรุงไทเป โดยมีนายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และภริยาเป็นเจ้าภาพ ซึ่งประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี และ H.E. Surangel S. Whipps, Jr. ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐปาเลา รวมถึงคณะผู้แทนทางการทูตที่ประจำการในไต้หวัน รวม 48 ประเทศ ต่างก็เดินทางมาเข้าร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 111 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กันอย่างพร้อมหน้า
เนื่องจากในปีที่แล้วเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ทำให้จำเป็นต้องยกเลิกการจัดงานราตรีเลี้ยงฉลอง แต่เในปีนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดได้ทุเลาลงแล้ว จึงมีการจัดงานเหมือนเช่นเคย โดยในครั้งนี้ กต.ไต้หวันได้เชิญผู้ประกอบการที่จำหน่ายสินค้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำถิ่น เช่น XIWEI PENINSULA ANTENNA SHOP , GEM SEASON , Hakka Taro Food Est 2019 , Taiwan Head Brewers และ Bai - Shui Douhua ให้ร่วมออกแบบเมนูอาหารที่ใช้วัตถุดิบจากผลไม้ประจำฤดูกาล รวมถึงผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์น้ำของไต้หวัน โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการนำเสนออาหารรูปแบบดั้งเดิมให้ออกมาในรูปแบบใหม่ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมโยงอย่างล้ำลึกระหว่างประชาชน ผืนดืนและท้องทะเลของไต้หวัน
เนื่องจากหัวเผือกถือเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญของทั้งไต้หวันและปาเลา ปธน.ไช่ฯ และ H.E. Whipps จึงต่างก็เดินมาหยุดลงที่หน้าซุ้มของร้าน Hakka Taro Food Est 2019 โดยผู้ประกอบการได้ทำการแนะนำขนมเผือกโอ่วกุย พร้อมทั้งเชิญชวนให้ทั้งปธน.ไช่ฯ และ H.E. Whipps ร่วมสัมผัสประสบการณ์การทำขนมเผือกด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ กต.ไต้หวันยังได้เชิญคณะศิลปะการแสดง Utheatre , คณะนักแสดง KDT , คณะนักร้องประสานเสียงประจำโรงเรียนประถมศึกษาเถาซาน ตำบลอู่ฟง เมืองซินจู๋ และคณะนักแสดง Dancecology ในการจัดการแสดงร่วมกันเป็นครั้งแรก โดยเนื้อหาการแสดงสื่อให้เห็นถึงความทรหดของชาวไต้หวันในการร่วมกันสกัดกั้นโรคระบาด และต่อสู้กับความท้าทายนานาประการ พร้อมมุ่งมั่นฝ่าฝันอุปสรรคร่วมกับประชาคมโลก เพื่อก้าวสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้น
นอกจากการแสดงแล้ว ภาพทัศนศิลป์หลักของงานราตรีครั้งนี้ ยังได้นำผลงานประติมากรรมกระดาษ มาประกอบเข้ากับการแสดงแสงสีเสียง เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงบรรยากาศการจำหน่ายอาหารตามตลาดนัดกลางคืน และอาหารจากฝีมือสุดปราณีต ภาพบรรยากาศการชมการแข่งขันกีฬาของประชาชน การเดินทางท่องเที่ยวข้ามพรมแดนทั่วโลก ตลอดจนใช้โคมลอยเป็นสื่อกลางในการแสดงให้เห็นถึงความหวังที่จะให้ทั่วโลกมีแต่สันติภาพ รวมทั้งสื่อให้เห็นถึงการฟื้นฟูด้านการแลกเปลี่ยนและการสร้างปฏิสัมพันธ์อันใกล้ชิด หลังยุคหลังโควิด – 19 เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันและประชาคมโลกมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้น
