กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 15 ต.ค. 65
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ตอบรับคำเชิญเข้าร่วมแสดงปาฐกถา ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ในการประชุมสัมมนาภายใต้หัวข้อ “การเชื่อมโยงระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกของทวีปยุโรปและภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก : การปรับโครงสร้างของภูมิรัฐศาสตร์ของยูเครน ไต้หวันและทั่วโลก” ที่จัดโดยวุฒิสภาสาธารณรัฐเช็กและ SINOPSIS คลังสมองของเช็กเกีย นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้ร่วมหารือกับ Mr. Pavel Fischer ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศแห่งวุฒิสภาเช็ก Mr.Olksandor Merezhko ประธานคณะกรรมาธิการกิจการการต่างประเทศและประธานกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภายูเครน รวมถึง Mr. Martin Hala ผู้อำนวยการสถาบันคลังสมอง SINOPSIS
ในช่วงเริ่มต้น รมว.อู๋ฯ ได้ขอบคุณรัฐบาลเช็กเกียที่ติดต่อเชิญให้ไต้หวันเข้าร่วมในการประชุม อย่างมิหวั่นเกรงต่อแรงกดดันจากประเทศมหาอำนาจ พร้อมแสดงความนับถือต่อความมุ่งมั่นในการปกป้องอำนาจอธิปไตยของประชาชนชาวยูเครนอย่างสุดกำลัง โดยรมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันเป็นประเทศในแนวหน้าที่ต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากอำนาจเผด็จการเสมอมา ซึ่งจากสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย – ยูเครน ทำให้ประชาชนไต้หวันได้รับข้อคิดและกำลังใจเป็นอย่างมาก ซึ่งไต้หวันพร้อมที่จะยึดมั่นในจิตวิญญาณแห่งการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนชาวยูเครนเฉกเช่นในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนจะประสานความร่วมมือกับประเทศพันธมิตรด้านประชาธิปไตย เพื่อให้ความช่วยเหลือในการบูรณะฟื้นฟูแก่ยูเครนต่อไป
รมว.อู๋ฯ ชี้ว่า ขณะนี้ ประชาคมโลกต่างเผชิญหน้ากับการข่มขู่และความท้าทายจากอำนาจเผด็จการ นอกจากสถานการณ์ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครนแล้ว จีนยังตีความญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 ในทิศทางที่บิดเบือนจากความเป็นจริง โดยระบุว่าไต้หวันเป็นหนึ่งในมณฑลของจีน นอกจากนี้ ในเดือนส.ค. ที่ผ่านมา จีนได้ทำการซ้อมรบด้วยกระสุนจริงและกระทำพฤติกรรมยั่วยุในพื้นที่รอบน่านน้ำและน่านฟ้าของไต้หวันโดยพลการ พร้อมทั้งดำเนินการโจมตีไต้หวัน ผ่านการแพร่กระจายข่าวปลอม รวมถึงการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจบีบบังคับไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนรุกล้ำเข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของไต้หวัน อีกทั้งยังรุกล้ำข้ามเส้นกึ่งกลางช่องแคบไต้หวันอย่างต่อเนื่องไม่สิ้นสุด ทั้งนี้ เพื่อต้องการทำลายสถานภาพเดิมระหว่างความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และเพื่อเป็นการฝึกซ้อมการโจมตีไต้หวันด้วยกำลังทหารในซึ่งจีนวางแผนไว้เสมอมาด้วย
รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ความทะเยอทะยานของจีนมิได้หยุดอยู่แต่เพียงไต้หวันเท่านั้น แต่จีนยังได้แผ่ขยายอิทธิพลไปสู่พื้นที่ในภูมิภาคต่างๆ โดยรอบ อาทิ ทะเลจีนตะวันออก ทะเลจีนใต้ มหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย เป็นต้น ถือเป็นการสร้างความท้าทายอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก นอกจากนี้ เนื่องจากตลอดช่วงที่ผ่านมา ที่รัฐบาลจีนทำการกวาดล้างขบวนการประท้วงประชาธิปไตยในฮ่องกงด้วยวิธีการอันป่าเถื่อน ประกอบกับการผนวกไครเมียโดยสหพันธรัฐรัสเซีย มิได้รับบทลงโทษจากประชาคมโลกอย่างเหมาะสม จึงทำให้เกิดเป็นเขม่าควันที่ส่งเสริมให้ประเทศที่ยึดมั่นระบอบเผด็จการได้ใจ และแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งกลุ่มประเทศประชาธิปไตยไม่ควรปล่อยให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นซ้ำสอง โดยในช่วงท้าย รมว.อู๋ฯ ได้อ้างอิงบทกวี “First they came ...” ที่ประพันธ์ขึ้นในปีค.ศ. 1946 โดย Mr. Martin Niemöller ผู้นำทางศาสนาของเยอรมนี เพื่อเน้นย้ำว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ กลุ่มประเทศประชาธิปไตยควรประสานความสามัคคีในการปกป้องประเทศซึ่งกันและกัน จึงจะสามารถสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Mr. Merezhko กล่าวขณะปราศรัยว่า ในวันที่ 24 ก.พ. ของปีนี้ เป็นวันที่ยูเครนรู้สึกเจ็บปวดมากที่สุด เนื่องจากจีนเลือกที่จะสานสัมพันธ์กับรัสเซียในการบุกโจมตียูเครน แต่ไต้หวันกลับยื่นมือเข้าให้ความช่วยเหลือยูเครนอย่างทันท่วงที จึงเห็นได้ชัดว่า ใครคือมิตรแท้ของยูเครนอย่างแท้จริง โดย Mr. Merezhko เรียกร้องว่า กลุ่มพันธมิตรด้านประชาธิปไตยทั่วโลกควรประสานสามัคคีในการเตรียมความพร้อมทุกด้าน ทั้งการทหาร หลักนิติธรรม การเมือง คุณธรรมและเศรษฐกิจ เพื่อสกัดกั้นมิให้จีนเข้ารุกรานไต้หวัน
ในระหว่างการตอบข้อซักถาม รมว.อู๋ฯ แถลงว่า จีนได้เปิดฉากการซ้อมรบหลังจากที่ Ms. Nancy Pelosi ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่า จีนไม่ยินดีที่เห็นประชาคมโลกให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างท่วมท้น จึงอาจถือได้ว่าเป็นวิธีที่จะช่วยหยุดยั้งไม่ให้จีนจะรุกล้ำไต้หวันในอนาคต นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้ขอแสดงความขอบคุณ Mr. Milos Vystrcil ประธานวุฒิสภาสาธารณรัฐเช็ก ที่นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันในปี 2019 โดยไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจของจีน ซึ่งรมว.อู๋ฯ กล่าวว่า การที่พันธมิตรด้านประชาธิปไตยทั่วโลกเดินทางเยือนไต้หวัน พร้อมแสดงให้เห็นถึงพลังสนับสนุนและพลังสามัคคี ถือเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการสกัดกั้นการรุกล้ำจากจีน ด้วยเหตุนี้ รมว.อู๋ฯ จึงได้ใช้โอกาสนี้เชิญชวน Mr. Fischer และ Mr. Merezhko รวมถึงกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันให้เดินทางมาเยือนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อเรียกร้องของรมว.อู๋ฯ ได้รับการตอบรับจาก Mr. Fischer ในขณะที่ Mr. Merezhko ก็ร่วมเป็นอีกเสียงเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐและบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในแวดวงทางการเมืองซึ่งมีมโนคติที่ดี ก็ควรที่จะหาเวลาเดินทางเยือนกรุงเคียฟและกรุงไทเป ซึ่งเป็นความคิดเห็นที่ได้รับความเห็นชอบจากแขกผู้มีเกียรติทุกคนที่เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้อย่างถ้วนหน้าด้วย