ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวนสพ. Washington Post โดยเน้นย้ำว่า ไต้หวันจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความเป็นไปได้ที่จีนอาจรุกล้ำดินแดนอธิปไตยของไต้หวันในอนาคตอันใกล้
2022-11-07
New Southbound Policy。รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวนสพ. Washington Post โดยเน้นย้ำว่า ไต้หวันจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความเป็นไปได้ที่จีนอาจรุกล้ำดินแดนอธิปไตยของไต้หวันในอนาคตอันใกล้ (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวนสพ. Washington Post โดยเน้นย้ำว่า ไต้หวันจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับความเป็นไปได้ที่จีนอาจรุกล้ำดินแดนอธิปไตยของไต้หวันในอนาคตอันใกล้ (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 4 พ.ย. 65

เมื่อวันที่ 28 ต.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Josh Rogin ผู้สื่อข่าวสายการต่างประเทศและกลาโหมของหนังสือพิมพ์เดอะวอชิงตันโพสต์ (Washington Post) โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้ถูกเผยแพร่ผ่านหนังสือพิมพ์ ภายใต้หัวข้อ “ไต้หวันส่งสัญญาณแจ้งเตือนต่อฮ่องเต้สีจิ้นผิง” (Taiwan is sounding an alarm about Emperor Xi) ไปเมื่อวันที่ 4พ.ย. ตามเวลาในกรุงไทเป ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาคมโลกอย่างล้นหลาม
 
ในระหว่างการสัมภาษณ์ รมว.อู๋ฯ ได้วิเคราะห์นโยบายการต่างประเทศของจีนและนโยบายความสัมพันธ์กับไต้หวัน หลังเสร็จสิ้นการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน ครั้งที่ 20 โดยรมว.อู๋ฯ แสดงความคิดเห็นว่า ประธานาธิบดีสีฯ มีอำนาจเด็ดขาดอยู่ในมือ หากนักการทูตยังคงใช้วิธีการแข็งกร้าวอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่การทูตที่ประจำอยู่ในต่างแดนอาจสำแดงให้เห็นถึงวิธีการการทูตแบบนักรบหมาป่า (Wolf Warrior diplomacy) ที่ชัดเจนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและนานาประเทศทั่วโลก ยิ่งทวีความตึงเครียดมากขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่า ปธน.สีฯ ได้ปลดเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่มีประสบการณ์การประสานกิจการกับไต้หวันออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่ไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่ภาครัฐของตน แต่กลับเชื่อกลุ่มที่ด้อยประสบการณ์ในการประสานกิจการระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน หากปธน.สีฯ ทำการวิเคราะห์ผิดพลาดหรือเบนเข็มออกจากข้อเท็จจริงในประเด็นสถานการณ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน จะส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวันยิ่งมีความสลับซับซ้อน ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ยิ่งทวีความรุนแรงและอันตรายเพิ่มมากขึ้น
 
ต่อประเด็นที่ว่ารัฐบาลจีนจะบุกโจมตีไต้หวันหรือไม่และเมื่อไหร่ รมว.อู๋ฯ แถลงว่า ไต้หวันจับตาต่อปฏิกิริยาและสถานการณ์การเตรียมความพร้อมของจีนอย่างใกล้ชิด การเลือกตั้งประธานาธิบดีของไต้หวัน - สหรัฐฯ ในปี 2024 อาจส่งให้รัฐบาลจีนมีปฏิกิริยาตอบรับที่รุนแรงเกินเหตุ แต่ถึงกระนั้น หลังจากปี 2024 ก็ยังไม่สามารถขจัดความเป็นไปได้ในกรณีที่ปธน.สีฯ อาจจะเปิดฉากสงครามที่เป็นการรุกรานไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อก้าวขึ้นครองตำแหน่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในวาระที่ปธน.สีฯ ได้ครองตำแหน่งผู้นำจีนติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 หากเมื่อใดที่จีนคิดว่า อำนาจกลาโหมของจีนสามารถยึดครองไต้หวันได้อย่างง่ายดาย เมื่อนั้นความเสี่ยงก็จะเกิดขึ้นตามมา รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า แทนที่จะคาดเดาช่วงเวลาในการที่จีนอาจบุกโจมตีไต้หวัน สู้ถนอมเวลาในการเตรียมการให้พร้อมต่อการรับมือดีกว่า โดยพวกเรามีเพียงเป้าหมายเดียว คือปกป้องดินแดนประเทศชาติของตนเองอย่างสุดกำลัง เพื่อมิให้ไต้หวันตกอยู่ภายใต้อำนาจของจีน
 
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ผกผันและรุนแรงในปัจจุบัน รมว.อู๋ฯ ระบุว่า พวกเรามุ่งมั่นในการเสริมสร้างความพร้อมในทุกด้านอย่างกระตือรือร้น โดยอ้างอิงจากข้อคิดที่ได้จากสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างแสนยานุภาพที่ขาดความสมดุล จัดตั้งกลไกสำรองด้านระบบสารสนเทศและการสื่อสาร การจัดเตรียมเสบียงสำรอง พร้อมทั้งยกระดับศักยภาพในการรับมือกับสงครามลูกผสม และการปฏิรูประบบกำลังสำรอง นอกจากนี้ ยังต้องเร่งเสริมสร้างการรับรู้ ความเข้าใจและความสามารถในการปกป้องดินแดนประเทศให้แก่ประชาชนในประเทศ โดยไต้หวันคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นรัฐบาลสหรัฐฯ เร่งจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ได้ทำการอนุมัติจำหน่ายให้ไต้หวัน ให้ส่งมายังไต้หวันโดยเร็ววัน ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันในศักยภาพความสามารถในการป้องกันประเทศที่แข็งแกร่งให้แก่ไต้หวัน
 
รมว.อู๋ฯ ยืนยันว่า การปกป้องดินแดนอธิปไตยเป็นภารกิจที่เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรของไต้หวัน ประชาชนชาวไต้หวันมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่เด็ดเดี่ยวในการต่อสู้เพื่ออำนาจอธิปไตยและค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพของไต้หวัน พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกเสริมสร้างความร่วมมือในการสนับสนุนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมสกัดกั้นความทะเยอทะยานในการแผ่ขยายอำนาจและการรุกล้ำจากจีน