ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ไต้หวัน–สหรัฐฯร่วมลงนามใน MoU ด้านการพัฒนาและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เพื่อผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ และสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมระหว่างกัน
2022-11-08
New Southbound Policy。ไต้หวัน–สหรัฐฯร่วมลงนามใน MoU ด้านการพัฒนาและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เพื่อผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ และสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมระหว่างกัน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
ไต้หวัน–สหรัฐฯร่วมลงนามใน MoU ด้านการพัฒนาและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม เพื่อผลักดันการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างเป็นระบบ และสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมระหว่างกัน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 7 พ.ย. 65
 
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานเลี้ยงเพื่อประกาศการลงนามใน “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MoU) ด้านการพัฒนาและการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ” โดยมีนายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ทำหน้าที่เป็นประธาน พร้อมทั้งเชิญ Ms. Sandra Oudkirk ผู้อำนวยการใหญ่ สถาบันอเมริกาในไต้หวัน สำนักงานไทเป (AIT/T) และนายเซี่ยงเถียนอี้ เลขาธิการกองทุนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของไต้หวัน (International Cooperation and Development Fund, Taiwan ICDF) มาร่วมเป็นสักขีพยาน นอกจากนี้ ก็ยังมีเหล่าทูตานุทูตที่ประจำการอยู่ในไต้หวัน และผู้แทนรัฐบาลของมิตรประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
 
โดย MoU ฉบับนี้เป็นการร่วมลงนามระหว่างนางเซียวเหม่ยฉิน ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำสหรัฐฯ และ Ms. Ingrid Larson ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันอเมริกาในไต้หวัน ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (AIT/Washington) เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาในเขตตะวันออกของสหรัฐฯ โดยมี Ms. Isobel Coleman รองผู้อำนวยการองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development, USAID) และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน ซึ่งหลังจากที่ MoU ฉบับข้างต้นมีผลบังคับใช้แล้ว กองทุน Taiwan ICDF และ USAID ก็จะเร่งสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ภายใต้กรอบ MoU ข้างต้น ประกอบด้วย การให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ การให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม การบ่มเพาะศักยภาพ การฝึกอบรมและการถ่ายทอดความรู้ความเชี่ยวชาญ เป็นต้น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ร่วมลงนามใน “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างสหรัฐและไต้หวัน-มูลนิธิ Pacific American Foundation” และความตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SBDC) ในปารากวัย ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการร่วมยกระดับการพัฒนาและความทรหดในพื้นที่แถบมหาสมุทรแปซิฟิกและภูมิภาคลาตินอเมริกา แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ด้วย
 
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังแถลงอีกว่า หลายปีมานี้ ไต้หวัน - สหรัฐฯ ได้เสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างกันอย่างแนบแน่นยิ่งขึ้น ภายใต้ค่านิยมที่ยึดมั่นร่วมกัน ทั้งในด้านประชาธิปไตย เสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและหลักธรรมาภิบาล โดยทั้งสองฝ่ายได้ร่วมจัดตั้งกลไกที่หลากหลายในหลายภาคส่วน อาทิ การเจรจาหุ้นส่วนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ (Taiwan-US Economic Prosperity Partnership Dialogue, EPPD) การประชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านเทคโนโลยี ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ แผนส่งเสริมการศึกษาระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ และคณะทำงานเฉพาะกิจในความร่วมมือด้านการป้องกันชายฝั่งทะเล ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงการสร้างความสัมพันธ์ในเชิงลึกและการจัดตั้งกลไกที่เป็นระบบระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ โดยการลงนาม MoU และความตกลงทางความร่วมมือที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการประกาศในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในการยกระดับความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง รวมไปถึงแสดงความมุ่งมั่นที่จะช่วยกระตุ้นการพัฒนาทางเสรีภาพและความเจริญรุ่งเรือง ในพื้นที่แถบมหาสมุทรแปซิฟิกและภูมิภาคลาตินอเมริกาต่อไป