ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่ทีวีออสเตรเลีย พร้อมย้ำ ใครก็ไม่สามารถบังคับให้ชาวไต้หวันยอมรับต่อแผนการสำหรับไต้หวันของจีน
2022-11-08
New Southbound Policy。รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่ทีวีออสเตรเลีย พร้อมย้ำ ใครก็ไม่สามารถบังคับให้ชาวไต้หวันยอมรับต่อแผนการสำหรับไต้หวันของจีน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)
รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่ทีวีออสเตรเลีย พร้อมย้ำ ใครก็ไม่สามารถบังคับให้ชาวไต้หวันยอมรับต่อแผนการสำหรับไต้หวันของจีน (ภาพจากกระทรวงการต่างประเทศ)

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 7 พ.ย. 65
 
เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Tom Steinfort พิธีกรจากรายการ 60 Minutes ของสถานีโทรทัศน์ Channel Nine แห่งออสเตรเลีย โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้ถูกเผยแพร่ผ่านรายการในหัวข้อ “วงในจากสงครามเพื่อแย่งชิงไต้หวันและการคุกคามด้วยสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นจากจีน” (Inside the battle for Taiwan and China's looming war threat) เมื่อวันที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา ตามเวลาในกรุงไทเป ซึ่งหลังจากที่บทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่ ก็ได้รับความสนใจจากประชาคมโลกอย่างล้นหลาม
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า นอกจากจีนจะเพิ่มความถี่ในการข่มขู่ไต้หวันด้วยกำลังทหารและล่วงล้ำในขอบเขตที่กว้างมากขึ้น จนส่งผลให้ประชาคมโลกร่วมจับตาเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดมากขึ้นแล้ว ยังได้สร้างแรงกดดันต่อไต้หวัน ทั้งในด้านการทูตและเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลปักกิ่งได้ขัดขวางมิให้ไต้หวันเข้าร่วมในกิจกรรมขององค์การระหว่างประเทศในทุกช่องทาง เพื่อลิดรอนสิทธิ์บนพื้นที่นานาชาติของไต้หวันให้แคบลง โดยเมื่อเดือนส.ค. ปีนี้ รัฐบาลจีนยังได้สั่งระงับการนำเข้าสินค้าจากผู้ประกอบการไต้หวันร่วมพันรายการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการฉุดรั้งการพัฒนาทางเศรษฐกิจของไต้หวัน อย่างไรก็ตาม แนวทางที่รัฐบาลจีนนำมาใช้ต่างก็ไม่บรรลุผลตามเป้าหมาย อีกทั้งยังเป็นการผลักดันให้ประชาชนชาวไต้หวัน ยิ่งยึดมั่นในแนวคิดการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองอย่างหนักแน่นเพิ่มมากขึ้น เพื่อรับมือกับความท้าทายจากจีนอย่างเต็มที่
 
รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันไม่คาดหวังที่จะเห็นสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน พัฒนาไปสู่การก่อสงคราม เพราะไม่ว่าจีนหรือไต้หวัน ต่างก็ไม่ได้รับประโยชน์อันใด หรือแม้แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ยกตัวอย่างเช่นในกรณีอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน ไต้หวันมีบทบาทสำคัญในระบบห่วงโซ่อุปทานด้านเซมิคอนดักเตอร์ระดับสากล โดยปริมาณการผลิตครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 63 ของทั่วโลก สำหรับในส่วนของกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ก็มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 92 ของการผลิตทั่วโลก หากพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันก้าวเข้าสู่ภาวะสงคราม การพัฒนาทางเศรษฐกิจโลกก็จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงตามไปด้วยเช่นกัน
 
ต่อกรณีที่ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้นำจีน ชูหลักการว่า “จะไม่ให้คำมั่นว่าจะล้มเลิกการใช้อาวุธ” ในการเข้าครอบครองไต้หวัน รมว.อู๋ฯ เห็นว่า แนวคิดของปธน.สีฯ สะท้อนให้เห็นว่า ปธน.สีฯ ไม่เข้าใจต่อเสียงจากภาคประชาชนชาวไต้หวัน และไม่ใส่ใจต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไต้หวันเลยแม้แต่น้อย ไต้หวันเป็นประเทศประชาธิปไตย ซึ่งมิว่าผู้ใดก็ไม่สามารถบีบบังคับประชาชนไต้หวันให้ยอมรับต่อแผนการสำหรับไต้หวันที่จีนเสนอมา โดยในช่วงที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่า “หลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ” ของฮ่องกง ประสบกับความล้มเหลวอย่างไม่คาดคิด ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงขอยึดมั่นในหลักการที่ว่า อนาคตของไต้หวัน ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจร่วมกันของภาคประชาชนไต้หวัน
 
รมว.อู๋ฯ แสดงจุดยืนหนักแน่นว่า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการบีบบังคับในทุกฝีก้าวจากจีน ไต้หวันจะยิ่งมีความมุ่งมั่นในการปกป้องประเทศชาติของตนอย่างหนักแน่น โดยพวกเราจะร่วมต่อสู้เพื่อรักษาประเทศ อำนาจอธิปไตย ดินแดนและประชาชนเอาไว้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้เรียกร้องให้จีนคำนึงถึงข้อเรียกร้องของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่ได้ประกาศในระหว่างการแสดงสุนทรพจน์ในพิธีเฉลิมฉลองวันชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ซึ่งกล่าวไว้ว่า ขอให้สองฝั่งช่องแคบไต้หวันระงับข้อพิพาทด้วยสันติวิธี โดยไต้หวันยินดีที่จะร่วมเปิดการเจรจากับจีนอย่างมีศักด์ศรี และไม่ตั้งอยู่บนข้อจำกัดทางการเมือง คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นจีนร่วมแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาสองฝั่งช่องแคบไต้หวันด้วยสันติวิธีเช่นกัน
 
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังชี้อีกว่า จีนพยายามเข้าขัดขวางการสนับสนุนไต้หวันจากนานาประเทศทั่วโลก แต่กลับเป็นการยิ่งส่งเสริมให้ประชาคมโลกตระหนักเห็นว่า ไต้หวันเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีการพัฒนาอันรุดหน้าและเจริญรุ่งเรือง กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากจีน ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ทั่วโลกยิ่งให้ความสนับสนุนไต้หวันมากยิ่งขึ้น ด้วยการรวบรวมกลุ่มคณะตัวแทนเดินทางมาเยือนไต้หวัน เพื่อแสดงให้เห็นว่า ทั่วโลกพร้อมยืนเคียงข้างไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม รมว.อู๋ฯ จึงได้ใช้โอกาสนี้ แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลออสเตรเลียและทั่วโลก สำหรับการร่วมเป็นกระบอกเสียงและการให้ความสนับสนุนต่อไต้หวัน โดยรมว.อู๋ฯ เชื่อว่า จะมีมิตรสหายจากนานาประเทศทั่วโลกให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสร้างขวัญและกำลังใจให้ประชาชนชาวไต้หวัน ให้มีความมุ่งมั่นในการสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของระบอบเผด็จการต่อไป