ทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 8 พ.ย. 65
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศเพื่อให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติแก่ Mr. Terrance Drew นายกรัฐมนตรีของสหพันธรัฐเซนต์คิตส์และเนวิสแล้ว เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับมอบสาส์นตราตั้งจาก Mr. Donya Francis เอกอัครราชทูตคนใหม่ของเซนต์คิตส์และเนวิส พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ และรองประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ยังได้ร่วมเจรจาหารือกับนรม. Drew โดยปธน.ไช่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อเซนต์คิตส์และเนวิส ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศเสมอมาอย่างยาวนาน โดยในปีนี้ นรม. Drew ก็ยังได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UNGA) ซึ่งทำให้พวกเรารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก พร้อมกันนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังเน้นย้ำว่า ไต้หวัน – เซนต์คิตส์และเนวิส ต่างร่วมเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 จึงคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเสริมสร้างความร่วมมือต่อไปในเชิงลึก ตลอดจนร่วมกระตุ้นอุตสาหกรรรมการท่องเที่ยวระหว่างกัน โดยปธน.ไช่ฯ หวังว่าประชาชนชาวไต้หวันจะมีมีโอกาสได้สัมผัสกับความงดงามของทัศนียภาพในพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน อีกทั้งยังคาดหวังที่จะเห็นมิตรสหายชาวเซนต์คิตส์และเนวิส เดินทางมาเยือนไต้หวันด้วยเช่นกัน
นรม. Drew กล่าวขณะปราศรัยว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่มีความงดงามเป็นอย่างมาก ตนรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เดินทางมาเยือนไต้หวันในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นครั้งแรก หลังจากการเข้ารับตำแหน่งในช่วงที่ผ่านมา โดยนรม. Drew กล่าวว่า เป้าหมายของการเดินทางมาเยือนในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการแสดงให้เห็นว่า เซนต์คิตส์และเนวิสจะมุ่งมั่นในการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้คงอยู่ต่อไปอย่างหนักแน่น ให้สมกับมิตรภาพมีการติดต่อกันมานานกว่า 40 ปี โดยนรม. Drew รู้สึกยินดีที่ได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีนานาชาติ พร้อมเชื่อมั่นว่า สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) มีความสามารถที่จะสร้างคุณประโยชน์ และช่วยแก้ไขปัญหา รวมถึงพิชิตความท้าทายในรูปแบบต่างๆ ที่มีความซับซ้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน อาทิ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เศรษฐกิจและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เป็นต้น
นรม. Drew ยังกล่าวอีกว่า เนื่องจากเซนต์คิตส์และเนวิสไม่มีทรัพยากรประเภทโลหะหายาก อัญมนีและเชื้อเพลิงฟอสซิล ด้วยเหตุนี้ การบ่มเพาะบุคลากรจึงเป็นกุญแจสำคัญในการนำพาประเทศชาติให้พัฒนาไปสู่ทิศทางที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น นรม. Drew จึงหวังที่จะเห็นนักศึกษาของเซนต์คิตส์และเนวิส เดินทางมาเข้ารับการศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำหรือสถาบันการศึกษาในไต้หวัน โดยนรม. Drew เชื่อมั่นในคุณภาพของสถาบันอุดมศึกษาไต้หวัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ภาครัฐหลายคนของเซนต์คิตส์และเนวิส ต่างก็สำเร็จการศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาในไต้หวัน และกลับมาพัฒนาประเทศชาติอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างไต้หวัน – เซนต์คิตส์และเนวิสให้มีความแน่นแฟ้นมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ H.E.Donya ที่ได้รับมอบหมายให้เข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตคนใหม่ของเซนต์คิตส์และเนวิสประจำไต้หวันนั่นเอง
นรม. Drew ระบุว่า นอกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ตนยังมีอีกหน้าที่หนึ่ง นั่นคือการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงคาดหวังที่จะเสริมสร้างความร่วมมือกับไต้หวันในด้านการแพทย์และสาธารณสุขในเชิงลึกเพิ่มมากขึ้น เพื่อผลักดันเป้าหมายการพัฒนาของประเทศให้บรรลุผลสัมฤทธิ์โดยเร็ววัน
หลังเสร็จสิ้นพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ และการหารือพูดคุยแล้ว ในช่วงเที่ยงของวันเดียวกันนั้น ปธน.ไช่ฯ และรองปธน.ไล่ฯ ยังได้ร่วมจัดงานเลี้ยงต้อนรับนรม. Drew และคณะ ณ ทำเนียบประธานาธิบดี โดยปธน.ไช่ฯ เชื่อมั่นว่า การนำคณะเดินทางมาเยือนไต้หวันของ นรม. Drew ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ทางความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังจะเป็นการเสริมสร้างสวัสดิการที่เพิ่มมากขึ้นให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศอีกด้วย
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า หลายปีมานี้ พวกเราได้ร่วมแลกเปลี่ยนกันนับครั้งไม่ถ้วน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เป็นไปในเชิงลึกมากขึ้น อีกทั้งยังเสริมสร้างความร่วมมือด้านต่างๆ ในเชิงลึกอีกมากมาย อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน การฝึกอบรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร การแพทย์และสาธารณสุข การรีไซเคิลขยะ และพลังงานหมุนเวียน เป็นต้น
ปธน.ไช่ฯ เผยว่า นรม. Drew เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ ซึ่งเมื่อปี 2014 เคยเดินทางมาไต้หวันเพื่อเข้าร่วม “การประชุมด้านสุขภาพทั่วโลกในไต้หวัน” โดยได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐและนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศทั่วโลก ในประเด็น “แนวทางการปรับปรุงแก้ไขวิกฤตการแพทย์และสาธารณสุขทั่วโลก” โดยในครั้งนี้ นรม. Drew ก็จะร่วมหารือกับเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการของไต้หวัน ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการจัดตั้งระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ
นรม. Drew แสดงจุดยืนหนักแน่นว่า รัฐบาลเซนต์คิตส์และเนวิสมีความมุ่งมั่นในการธำรงรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันมาเป็นเวลายาวนานถึง 40 ปี โดยจะร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกให้การยอมรับต่อบทบาทสำคัญของไต้หวัน ที่คอยช่วยเหลือให้ประชาคมโลกก้าวผ่านปัญหาและความท้าทายนานารูปแบบตลอดมา
นรม. Drew ชี้ว่า ในระหว่างการหารือ เราได้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจในอีก 10 ปีหลังจากนี้ โดยจะมุ่งเน้นในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากทรัพยากรมนุษย์เป็นทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเรา นอกจากนี้ ยังเน้นความสำคัญของประเด็นด้านความมั่นคงทางอาหารอย่างต่อเนื่อง ผ่านการเกษตรที่หลากรูปแบบ โดยที่สุขภาพของประชาชนก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่าของชาติ จึงจะมุ่งมั่นในการจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานทางการแพทย์ที่ครอบคลุมอย่างกระตือรือร้น ตลอดจนประยุกต์ใช้แพลตฟอร์มเทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ มาเสริมสร้างศักยภาพด้านการผลิต โดยในระหว่างการผลักดันการพัฒนาในด้านต่างๆ พวกเรายังจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความยั่งยืน หากกิจกรรมทางเศรษฐกิจบ่อนทำลายความสมดุลของการคงอยู่ร่วมกันระหว่างสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ การพัฒนาทางเศรษฐกิจก็ไม่มีความหมายใดๆ อีกต่อไป
นอกจากนี้ ในช่วงค่ำของวันเดียวกันนั้น นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ยังได้จัดเลี้ยงเพื่อให้การต้อนรับ นรม. Drew และคณะ พร้อมนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้แสดงความขอบคุณรัฐบาลเซนต์คิตส์และเนวิสสำหรับการสนับสนุนให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ อย่างหนักแน่นเสมอมา
รมว.อู๋ฯ กล่าวขอบคุณนรม. Drew ที่ได้นำคณะรัฐมนตรี แกนนำฝ่ายค้านและผู้ว่าการในจังหวัดต่างๆ เดินทางมาเยือนไต้หวัน หลังจากที่ นรม. Drew ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์อันดีกับไต้หวันของพรรครัฐบาลเซนต์คิตส์และเนวิสอย่างเป็นรูปธรรม โดยรมว.อู๋ฯ คาดหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายประสานความร่วมมือกันอย่างแนบแน่นต่อไป เพื่อร่วมธำรงไว้ซึ่งค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ตลอดจนเพื่อสรรค์สร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศสืบไป
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังกล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 39 ปีที่ไต้หวัน – เซนต์คิตส์และเนวิส ได้สานสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันมา ทั้งสองฝ่ายต่างก็ประสานความร่วมมือในด้านต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งในด้านการแพทย์ การศึกษา การท่องเที่ยว เทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร การส่งเสริมศักยภาพสตรี ความทรหดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาอย่างยั่งยืน เป็นต้น
นรม. Drew แสดงความขอบคุณต่อไต้หวันที่ส่งมอบความช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศให้แก่เซนต์คิตส์และเนวิสเสมอมา พร้อมให้คำมั่นว่าจะให้การสนับสนุนไต้หวันต่อแผนผลักดันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศของไต้หวันอย่างเต็มที่ต่อไป พร้อมทั้งยังเชิญชวนให้ปธน.ไช่ฯ นำคณะเดินทางมาเยือนเซนต์คิตส์และเนวิส ในเดือนกันยายน 2023 เพื่อเข้าร่วมงานฉลองการประกาศอิสรภาพของเซนต์คิตส์และเนวิส และเนื่องในวาระครบรอบ 40 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไต้หวัน – เซนต์คิตส์และเนวิสด้วย