ทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 15 พ.ย. 65
หลังเสร็จสิ้นพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศเพื่อให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติแก่ H.E. Russ Joseph Kun ประธานาธิบดีสาธารณรัฐนาอูรู และภริยา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวินและรองประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จึงได้เข้าร่วมหารือกับปธน. Kun โดยปธน.ไช่ฯ แถลงว่า ไต้หวัน – นาอูรูได้ประสานความร่วมมือระหว่างกันในด้านต่างๆ อาทิ พลังงานสะอาด การพัฒนาทางดิจิทัลและวัฒนธรรมการศึกษา ซึ่งล้วนบังเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่า ในอนาคต ไต้หวัน – นาอูรูจะสามารถเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดฉากโครงการความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน ในการนำมาซึ่งสวัสดิการที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ภาคประชาชนทั้งสองฝ่าย
โดยหลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต้อนรับอย่างสมเกียรติและการเจรจาหารือแล้ว ในช่วงเที่ยงของวันเดียวกันนั้น ปธน.ไช่ฯ ทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพในการจัดเลี้ยงรับรองปธน. Kun และภริยา ณ ทำเนียบประธานาธิบดี โดยปธน.ไช่ฯ หวังว่า ไต้หวัน – นาอูรูจะร่วมสร้างความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนในเชิงลึก เพื่อร่วมผลักดันการพัฒนาในพื้นที่แถบมหาสมุทรแปซิฟิกให้เกิดความยั่งยืนต่อไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า หลังจากที่ปธน. Kun ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำนาอูรูในช่วงที่ผ่านมา ก็ได้ตอบรับคำเชิญของรัฐบาลไต้หวัน ด้วยการนำคณะตัวแทนที่ประกอบด้วยคณะรัฐมนตรีที่เป็นบุคคลสำคัญเดินทางมาเยือนไต้หวัน เพื่อแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแข็งแกร่งระหว่างไต้หวัน - นาอูรู โดยปธน.ไช่ฯ เผยว่า นาอูรูเป็น “มิตรสหายที่ดีที่สุดของไต้หวัน”
ปธน.ไช่ฯ ขอบคุณรัฐบาลนาอูรูที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนนไต้หวันในเวทีนานาชาติอย่างหนักแน่นเสมอมา พร้อมช่วยแสวงหาโอกาสให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างกระตือรือร้น ในระหว่างการอภิปรายทั่วไปของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 77 ประจำปีนี้ Ms. Josie-Ann Dongobir ผู้แทนถาวรของนาอูรูประจำสหประชาชาติ ได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวัน พร้อมทั้งให้การยอมรับว่าไต้หวันเป็นพันธมิตรที่สำคัญด้านการป้องกันโรคระบาดทั่วโลก ตลอดจนเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมจับตาให้ความสำคัญกับพลังแห่งความดีที่ไต้หวันร่วมอุทิศ รวมถึงเคารพต่อสิทธิการเข้าร่วมอย่างเท่าเทียมของประเทศสมาชิกในประชาคมโลก
ปธน. Kun ได้แสดงความขอบคุณต่อสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่ให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือแก่นาอูรูในหลากหลายด้าน ซึ่งครอบคลุมในด้านต่างๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน สาธารณสุข การเกษตรและการศึกษา เป็นต้น โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไต้หวันเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของนาอูรู ด้วยการสร้างคุณประโยชน์ที่มากมายในการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน พลังสนับสนุนที่ไต้หวันส่งมอบให้นาอูรูแข็งแกร่งไม่สั่นคลอน ไม่ว่าจะการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจหรือในภาวะที่ประสบกับความถดถอยที่รุนแรง หรือแม้กระทั่งท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในช่วงที่ผ่านมา
ปธน. Kun กล่าวว่า ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนและความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างสองประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกรอบโครงสร้างที่ทั้งสองประเทศร่วมสร้างกันมา พวกเราต่างคาดหวังที่จะสร้างผลประโยชน์ร่วมกันที่มากยิ่งขึ้นให้แก่ประชาชนของทั้งสองฝ่าย โดยค่านิยมที่พวกเรายึดมั่นร่วมกันและการอุทิศคุณประโยชน์เพื่อธำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคง เป็นรากฐานในการพัฒนาความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างไต้หวัน - นาอูรู ซึ่งเริ่มต้นด้วยความสนับสนุนและไว้วางใจ โดยความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนของพวกเราจะยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เกิดผลสัมฤทธิ์ที่หลากหลาย และเจริญงอกงามมากยิ่งขึ้นต่อไป
นอกจากนี้ ปธน. Kun ยังได้ยกย่องความพยายามอย่างมุ่งมั่นของรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค นาอูรูมองว่าไต้หวันเป็นเหมือนสมาชิกในครอบครัว ซึ่งนอกจากไต้หวันจะให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งต่อนาอูรูแล้ว ยังได้ประสานความร่วมมือกับนาอูรูอย่างแนบแน่น เพื่อส่งเสริมให้ประชาธิปไตย เสรีภาพ สันติภาพและเสถียรภาพ เกิดแก่ภูมิภาคสืบไป
ปธน. Kun กล่าวว่า เป้าหมายหลักของการเดินทางเยือนไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์หลังยุคโควิด – 19 ในครั้งนี้คือ “พันธมิตรที่ยั่งยืน : เชื่อมโยงและพัฒนาไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน” โดยในระหว่างภารกิจการฟื้นฟูบูรณะโครงสร้างพื้นฐานหลังยุคโควิด – 19 การเสริมสร้างคุณภาพด้านสาธารณสุข การศึกษา กลไกการคุ้มครองทางสังคม การปรับปรุงพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบกและทางน้ำ การเชื่อมโยงภายในภูมิภาค รวมไปถึงการทุ่มงบประมาณจำนวนมากในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ควบคู่ไปกับการย่นระยะห่างทางดิจิทัล ล้วนเป็นภารกิจหลักที่สำคัญ โดยไต้หวันได้พัฒนาจากความเรียบง่ายในอดีต ก้าวสู่การเป็นต้นแบบที่ประสบความสำเร็จในภูมิภาค ซึ่งสามารถเป็นหลักอ้างอิงให้แก่กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา รวมไปถึงนาอูรูด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ ในระหว่างสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ไต้หวันยังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสมควรแก่การยกย่อง และเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่า ยุทธศาสตร์แห่งการพัฒนาที่ตั้งอยู่บนแกนหลักด้านนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลง ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั้น นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ยังได้ร่วมพูดคุยหารือกับปธน. Kun และภริยา ณ อาคารรับรองอาคันตุกะ กรุงไทเป โดยหลังเสร็จสิ้นการเจรจาหารือแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ได้ร่วมลงนามใน “แถลงการณ์ร่วมว่าด้วยจุดยืนทางความสัมพันธ์ด้านการทูต” เพื่อให้คำมั่นว่า ทั้งสองฝ่ายจะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนในเชิงลึกในด้านต่างๆ ระหว่างกัน อาทิ อุตสาหกรรมการเกษตรและการประมง การแพทย์สาธารณสุข วัฒนธรรมการศึกษา พลังงานสะอาด เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การส่งเสริมศักยภาพสตรี และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันดีที่มีความแข็งแกร่ง ระหว่างไต้หวัน - นาอูรูด้วย
หลังเสร็จสิ้นการร่วมลงนาม นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) พร้อมด้วยภิรยา ก็ได้เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงรับรองแก่ปธน. Kun และคณะ เพื่อแสดงให้เห็นถึงการต้อนรับอย่างจริงใจของรัฐบาลไต้หวัน รมว.อู๋ฯ กล่าวให้การต้อนรับปธน. Kun สำหรับการนำคณะรัฐมนตรีที่สำคัญมาเยือนไต้หวันหลังขึ้นดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณต่อนาอูรูที่ได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันบนเวทีนานาชาติเสมอมา ทั้งสหประชาชาติ (UN) การประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 27 (UNFCCC COP 27) และองค์การการบินพลเรือน (ICAO) เป็นต้น รัฐบาลและประชาชนชาวไต้หวันต่างรู้สึกขอบคุณด้วยใจจริง
โดยในช่วงท้าย ปธน.Kun กล่าวแสดงความขอบคุณต่อการต้อนรับอันแสนอบอุ่นของรัฐบาลไต้หวัน พร้อมทั้งแสดงจุดยืนว่าจะเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างสองประเทศต่อไปอย่างมุ่งมั่น ตลอดจนให้การยอมรับต่อรัฐบาลไต้หวันที่ให้ความช่วยเหลือแก่นาอูรูในด้านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เสมอมา ทั้งระบบการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ การบริจาคเรือลาดตระเวณที่เปี่ยมด้วยฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครันจำนวนหลายลำ ศูนย์การเรียนรู้ทางดิจิทัลและการบ่มเพาะบุคลากร เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลสัมฤทธิ์สำคัญที่ส่งเสริมให้นาอูรูพัฒนาไปสู่ความก้าวหน้า นอกจากนี้ ในระหว่างสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ไต้หวันยังได้บริจาคเวชภัณฑ์การป้องกันโรคระบาดหลายรายการเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่นาอูรูในการสกัดกั้นโรคระบาด รวมไปถึงการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ โดยนาอูรูจะยืนเคียงข้างไต้หวันต่อไป เพื่อบรรลุแนวคิดหลักที่ว่า “พันธมิตรที่ยั่งยืน : เชื่อมโยงและพัฒนาไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน”