ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
การเจรจาไต้หวัน-สวีเดน เพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนด้านห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียว
2022-11-22
New Southbound Policy。การเจรจาไต้หวัน-สวีเดน เพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนด้านห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียว (ภาพจากกระทรวงเศรษฐการ)
การเจรจาไต้หวัน-สวีเดน เพิ่มโอกาสในการแลกเปลี่ยนด้านห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียว (ภาพจากกระทรวงเศรษฐการ)

กระทรวงเศรษฐการ วันที่ 18 พ.ย. 65
 
การประชุมเจรจาเศรษฐกิจการค้าไต้หวัน-สวีเดน ประจำปี 2022 ได้เปิดฉากขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ กรุงไทเป โดยมีนายเฉินเจิ้งฉี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และ Mr. Håkan Jevrell รัฐมนตรีช่วยว่าการฝ่ายเศรษฐกิจและการค้า กระทรวงการต่างประเทศสวีเดนร่วมเป็นประธานในการประชุม ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาแลกเปลี่ยนกันในเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นด้านระบบห่วงโซ่อุปทานของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียว และเทคโนโลยีทางการเงิน
 
โดยรมช. Jevrell เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนสวีเดนประจำไต้หวันในช่วงระหว่างปี 2018 – 2020
 
อุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของสวีเดนมีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยกลุ่ม Scania ของสวีเดนครองส่วนแบ่งตลาดรถบัสพลังงานไฟฟ้าโลกในระดับสูง ห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของไต้หวันมีศักยภาพสูงในด้านเทคโนโลยีและการบูรณาการระบบ โดยฝ่ายไต้หวันได้ย้ำต่อสวีเดนว่า ผู้ประกอบการในธุรกิจตัวถังรถ มอเตอร์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ชาร์จไฟของไต้หวัน ต่างก็อยู่ในระบบห่วงโซ่อุปทานของโลก ด้านสวีเดนจึงหวังว่า จะมีโอกาสได้ร่วมมือกับผู้ประกอบการไต้หวันในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่   
 
ไต้หวันและสวีเดนต่างก็มีเป้าหมายในการพัฒนาอย่างยั่งยืน ดังนั้น ในการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียวจึงถือเป็นประเด็นหลักที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญในระหว่างการเจรจา ในปีนี้ ไต้หวันได้ประกาศ “พิมพ์เขียวแห่งนโยบายการก้าวสู่ Net Zero ในปี 2050” และความคืบหน้าการผลักดันการเก็บภาษีคาร์บอน เพื่อให้ความช่วยเหลือภาคการผลิตในการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว โดยสวีเดนได้แสดงความคาดหวังที่จะสร้างความร่วมมือกับไต้หวันในด้านการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมสีเขียวเช่นกัน
 
รมช.เฉินฯ ได้กล่าวชื่นชมการดำเนินมาตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสวีเดน โดยเห็นว่า ไต้หวันให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนกับสวีเดนเป็นอย่างมาก หวังว่าจะสามารถสร้างความร่วมมือบนพื้นฐานที่มีอยู่ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
 
รมช. Jevrell ชี้ว่า สวีเดนและไต้หวันต่างก็เป็นระบบเศรษฐกิจแห่งนวัตกรรมที่เปิดกว้าง และตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกาสากล อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานในพื้นที่ต่างๆ ของโลก ตลอดจนร่วมแบ่งปันคุณค่าสากลด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และความเป็นนิติรัฐ พร้อมแสดงความคาดหวังว่า จะสามารถสร้างความร่วมมือและแลกเปลี่ยนในเชิงลึกกับไต้หวัน ในด้านการค้า นวัตกรรม และศิลปวัฒนธรรมต่อไป
 
โดยรมช.เฉินฯ และรมช. Jevrell ต่างก็เข้าร่วมในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจไต้หวัน-สวีเดน (JBC) ครั้งที่ 38 ซึ่งมี Chinese International Economic Cooperation Association, Taiwan (CIECA) และคณะกรรมการเศรษฐกิจการลงทุนสวีเดนสำนักงานไทเป เป็นผู้จัดงานร่วมกัน เพื่อเป็นสักขีพยานในการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาทางอุตสาหกรรม ระหว่างสมาคมทนายความด้านสิทธิบัตรของไต้หวันและสวีเดน รวมทั้งการลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีทางการเงิน ระหว่างศูนย์ยุทธศาสตร์การพัฒนาสิทธิบัตรและการบ่มเพาะทางอุตสาหกรรมของมหาวิทยาลัยหยางหมิงเจียวทง กับบริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีทางการเงินของสวีเดน คือ Norlinanders ซึ่งการประชุมเจรจาเกี่ยวกับความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่กล่าวถึงนี้ มีเป้าหมายเพื่อช่วยสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนและหาโอกาสในการสร้างความร่วมมือทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการของทั้งสองฝ่าย ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ จากสถิติของกรมศุลกากร กระทรวงการคลัง สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ชี้ว่า สวีเดนเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 1 และเป็นแหล่งเงินลงทุนจากต่างประเทศอันดับ 2 ของไต้หวันในภูมิภาคยุโรปเหนือ ในปี 2021 มูลค่าการค้าระหว่างไต้หวัน-สวีเดนสูงถึง 1,590 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 284.4 สำหรับในปีนี้ จนถึงสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา การลงทุนจากสวีเดนในไต้หวันคิดเป็นมูลค่ารวม 579 ล้านเหรียญสหรัฐฯ