กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 7 ธ.ค. 65
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) สำนักงานตัวแทนรัฐบาลออสเตรเลียในกรุงไทเป สถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT) และสมาคมแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น ได้ร่วมจัดการประชุมคณะกรรมการร่วม ภายใต้กรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF) ณ กรุงไทเป โดยได้ร่วมหารือแลกเปลี่ยนกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในสหรัฐฯ ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยออสเตรเลียรับหน้าที่เป็นประธานการประชุมครั้งแรก หลังจากที่ได้ก้าวสู่การเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของ GCTF ในปี 2021
นายไช่หมิงเยี่ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมพร้อมกล่าวปราศรัยว่า ขณะนี้ ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 และการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงนัยยะสำคัญที่ไต้หวันประสานความร่วมมือในการสร้างคุณประโยชน์ร่วมกับประชาคมโลก ภายใต้กรอบ GCTF โดยรมช.ไช่ฯ ยังรู้สึกยินดีที่เห็นกิจกรรมในปีนี้ซึ่งย้ายไปจัดที่ญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จ พร้อมคาดหวังที่จะเห็นนานาประเทศทั่วโลกเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในกรอบความร่วมมือ GCTF เพิ่มมากขึ้น เพื่อร่วมอุทิศคุณประโยชน์ด้านความมั่นคง เสรีภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ทั่วโลกต่อไป
โดยในระหว่างการประชุม ไต้หวัน สหรัฐฯ ญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ต่างร่วมพิจารณาทบทวนผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการจัดกิจกรรมภายใต้กรอบ GCTF พร้อมทั้งร่วมอภิปรายกำหนดประเด็นความร่วมมือระหว่างกันในปีหน้า ซึ่งครอบคลุมในประเด็นต่างๆ อาทิ เสรีภาพทางอินเทอร์เน็ต เศรษฐกิจดิจิทัล มาตรการรับมือภัยพิบัติทางทะเล การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การเปิดเส้นทางการบินอย่างยั่งยืน การให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ และการป้องกันโรคระบาด เป็นต้น
นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ปี 2015 ที่ได้ก่อตั้ง GCTF ขึ้น ตราบจนปัจจุบัน ได้มีการจัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ รวมถึงกิจกรรมในต่างแดนรวม 55 รอบ ภายใต้ประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ 10 กว่ารายการ โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญจำนวนกว่า 6,000 คน จาก 120 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม ประเด็นการหารือและตัวแทนประเทศที่เข้าร่วม เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี แสดงให้เห็นว่า GCTF เป็นแพลตฟอร์มสำคัญของความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยไต้หวันยินดีที่จะเห็นกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้น เพื่อร่วมรับมือกับประเด็นอุบัติใหม่และความท้าทายที่ทั่วโลกจับตาให้ความสำคัญ ผ่านกรอบความร่วมมือ GCTF