สภาบริหาร วันที่ 10 ธ.ค. 65
ต่อกรณีที่กรมศุลกากรจีน ได้ประกาศระงับการนำเข้าชั่วคราวในผลิตภัณฑ์อาหารบางส่วนของไต้หวันในช่วงก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายหลัวปิ่งเฉิง โฆษกสภาบริหาร สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2019 เป็นต้นมา จีนได้ยื่นเสนอ “ร่างกฎระเบียบว่าด้วยการขึ้นทะเบียนผู้ผลิตอาหารนำเข้าจากต่างประเทศ” โดยนานาประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงไต้หวัน ต่างมองว่ากฎระเบียบข้างต้น แท้ที่จริงแล้วคืออุปสรรคทางการค้านั่นเอง
โฆษกหลัวฯ กล่าวว่า เมื่อต้องเผชิญต่อมาตรการที่เป็นอุปสรรคทางการค้าด้านผลิตภัณฑ์อาหารที่จีนนำมาใช้ โดยเฉพาะแนวทางการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อไต้หวัน อาทิ มีเพียงเฉพาะไต้หวันที่จะต้องยื่นขออนุมัติโดยการส่งเอกสารที่เป็นแผ่นกระดาษ ส่วนประเทศอื่นๆ สามารถกรอกข้อมูลผ่านระบบออนไลน์ได้ และระยะเวลาในการยื่นขออนุมัติ สำหรับประเทศอื่น จีนผ่อนผันให้ยื่นได้จนถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2023 แต่สำหรับไต้หวัน กำหนดให้ต้องส่งก่อนวันที่ 30 มิถุนายนของปีนี้ และกรณีที่สินค้าไต้หวันถูกระงับการนำเข้า ทางฝ่ายจีนก็มิได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุที่สมเหตุสมผล เป็นต้น
โฆษกหลัวฯ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงเศรษฐการ กระทรวงการคลัง และคณะกรรมการกิจการการเกษตร รวมถึงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ต่างให้การชี้แนะเหล่าผู้ประกอบการในการยื่นส่งเอกสารเพื่อขออนุมัติอย่างเต็มที่ ทั้งการสร้างเพจในเว็บไซต์ สายด่วน หรือมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในการลงทะเบียนยื่นขออนุมัติและการส่งแนบเอกสารเพิ่มเติม อีกทั้งยังได้เชิญหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์อาหาร มากให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในการลงพื้นที่ตรวจสอบและชี้แนะแนวทางการปรับปรุงแก้ไข เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิของผู้ประกอบการและการส่งออกสินค้าไปยังประเทศจีน ซึ่งนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ทยอยให้ความช่วยเหลือในการส่งเอกสารเพิ่มเติมของผู้ประกอบการไต้หวันแล้ว กว่า 3,232 รายการ ซึ่งมีเพียง 792 รายการเท่านั้นที่ผ่านคุณสมบัติ ส่วน 2,409 รายการที่เหลือยังไม่ผ่านการพิจารณา แต่ก็มิได้มีการชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม โดยมี 31 รายการถูกจีนยกเลิกโดยไม่แจ้งสาเหตุ
นอกจากนี้ โฆษกหลัวฯ ยังระบุต่อกรณีที่มีผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติสอดคล้องต่อการส่งออกจำหน่ายยังจีน แต่มีผู้ประกอบการบางส่วนที่อยู่ระหว่างการยื่นเอกสารเพิ่มเติม แต่กลับถูกประกาศระงับการนำเข้าจากจีนแบบกระทันหัน ซึ่งทางรัฐบาลจีนก็มิได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุเพิ่มเติม ขณะนี้ สำนักงานอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุขฯ ไต้หวัน ได้ดำเนินการตรวจสอบและเสนอข้อชี้แนะต่อสำนักงานศุลกากรจีน ผ่านแพลตฟอร์มการเจรจาว่าด้วยความปลอดภัยทางอาหารสองฝั่งช่องแคบไต้หวันแล้ว
โฆษกหลัวฯ ยังกล่าวอีกว่า เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการสินค้าอาหาร ทางกระทรวงเศรษฐการได้จัดทำ “โครงการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารของไต้หวันไปสู่ทั่วโลก” ในช่วงระหว่างเดือนสิงหาคม - ธันวาคม ด้วยมาตรการ 3 แง่มุม ประกอบด้วย การขยายช่องทางการจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ ยกระดับศักยภาพการแข่งขันในระดับนานาชาติ และการปล่อยสินเชื่อ อีกทั้งยังให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการสินค้าอาหารแปรรูปในการกระจายความเสี่ยงด้านตลาดส่งออก และจัดสรรงบประมาณ 200 ล้านเหรียญไต้หวันในการดำเนินมาตรการชี้แนะแนวทางการส่งออกหลากหลายประการ โครงการข้างต้นได้ส่งผลให้ผู้ประกอบการกิจการอาหารของไต้หวัน สามารถขยายช่องทางการจำหน่ายไปสู่ 17 ประเทศในทวีปต่างๆ ทั้งในยุโรป อเมริกาและเอเชีย เป็นต้น โดยจนถึงวันที่ 10 ธันวาคมที่ผ่านมา รัฐบาลไต้หวันได้ให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ประกอบการไปแล้ว เป็นจำนวนกว่า 1,696 ราย โดยสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1,750 ล้านเหรียญไต้หวัน
โฆษกหลัวฯ ยังชี้ว่า เพื่อสร้างหลักประกันให้กลุ่มชาวประมง คณะกรรมการกิจการการเกษตร ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำในขยายตลาดส่งออกที่นอกเหนือจากประเทศจีนอย่างกระตือรือร้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้จัดทำการแปรรูปอาหารในประเทศอื่นนอกเหนือจากจีน และส่งเสริมให้นำมาแช่แข็งเพื่อเก็บรักษาหรือแปรรูป ตลอดจนขยายช่องทางการจำหน่ายในประเทศ เป็นต้น เพื่อมิให้เศรษฐกิจครัวเรือนของกลุ่มชาวประมงและผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้เร่งผลักดัน “โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมสุราที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ” เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการขยายตลาดต่างประเทศและเสริมสร้างช่องทางการจำหน่ายในประเทศ ผ่านการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการที่มีเครื่องหมายรับรองคุณภาพ เข้าร่วมงานจัดแสดงสินค้าอาหารทั้งในและต่างประเทศ รวมไปจนถึงการคัดเลือกผลิตภัณฑ์สุราเข้าร่วมการประกวดสุราระดับนานาชาติ ตลอดจนยกระดับภาพลักษณ์และชื่อเสียงของ “เครื่องหมายการันตีสุราคุณภาพ” เพื่อยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันนานาชาติของสุราที่ผลิตในประเทศ และเสริมสร้างแนวทางการบริหารของกลุ่มผู้ประกอบการให้มีการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้น
โฆษกหลัวฯ ย้ำอีกว่า จีนควรชี้แจงต่อสาเหตุที่ผู้ประกอบการบางรายของไต้หวันไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติในการยื่นขออนุมัติ และยกเลิกแนวทางการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อไต้หวัน โดยรัฐบาลจะให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ส่งออกไปจีนในขั้นตอนการส่งเอกสารเพิ่มเติมเพื่อยื่นขออนุมัติ ตลอดจนกำชับให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง วางแผนขยายการส่งออกสินค้าอาหารที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดทอนการพึ่งพาอาศัยต่อตลาดที่เฉพาะเจาะจง ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันในการพัฒนาการค้าสินค้าอาหาร ให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้นต่อไป
