คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ (NDC) วันที่ 13 ธ.ค. 65
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. นายกงหมิงซิน ประธานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ (NDC) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลในการเข้าร่วมงานแถลงข่าว เปิดตัว “สมุดปกขาวปี 2022” ที่จัดโดยหอการค้าออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ประจำกรุงไทเป (Australia New Zealand Chamber of Commerce in Taipei, ANZCham Taipei) พร้อมรับมอบสมุดปกขาวจากเจ้าหน้าที่ ANZCham Taipei นายกงฯ กล่าวขอบคุณ ANZCham Taipei สำหรับการสนับสนุนให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ พร้อมทั้งขอบคุณสำหรับการเสนอข้อชี้แนะในสมุดปกขาว โดยมีส่วนช่วยในการผลักดันการผ่อนคลายกฎระเบียบด้านเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของไต้หวัน และการปรับนโยบายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมา ไต้หวัน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ต่างร่วมจัดตั้งความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่แนบแน่นระหว่างกัน โดยรัฐบาลไต้หวันคาดหวังที่จะเร่งผลักดันการร่วมลงนามในความตกลงทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ระหว่างไต้หวัน – ออสเตรเลีย เพื่อเสริมสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแบบพหุภาคีต่อไป
นายกงฯ ระบุว่า หลายปีมานี้ ไต้หวัน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างกันอย่างใกล้ชิด ตราบจนเมื่อปลายเดือนตุลาคม ปี 2022 มูลค่าการลงทุนของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในไต้หวัน สูงแตะระดับ 4,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนในปี 2021 มูลค่าการค้าระหว่างไต้หวัน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีมูลค่าสูงถึง 21,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมูลค่าการค้าระหว่างไต้หวัน - ออสเตรเลีย และระหว่างไต้หวัน – นิวซีแลนด์ มีการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 74.9 และ 26.5 ตามลำดับ โดยไต้หวันเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของออสเตรเลีย และใหญ่เป็นอันดับ 7 ของนิวซีแลนด์ โดยมูลค่าทางการค้าระหว่างเดือนมกราคม - ตุลาคม ปีนี้สูงถึง 25,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทะลุมูลค่าการค้าตลอดปีที่แล้ว นายกงฯ ยังกล่าวอีกว่า เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ไต้หวันได้ยื่นขอเข้าร่วม ใน “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ สินค้านำเข้าจากนิวซีแลนด์ร้อยละ 99 ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน – นิวซีแลนด์ โดยรัฐบาลคาดหวังว่าในอนาคตจะมีโอกาสร่วมลงนามในความตกลงทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจกับออสเตรเลีย เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคี ตลอดจนเป็นการปูรากฐานและศักยภาพของไต้หวันในการเข้าร่วม CPTPP ต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียน ระหว่างไต้หวัน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ต่างก็มีการพัฒนาการที่รุดหน้าอย่างต่อเนื่อง นายกงฯ ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2016 ที่รัฐบาลริเริ่มดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานเป็นต้นมา ก็มีผู้ประกอบการออสเตรเลียหลายรายเดินทางมาเข้าร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องในไต้หวันหลายประการ “แนวทางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ก่อนปี 2050” ที่ประกาศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายสำคัญด้านการพัฒนาไต้หวันในอีก 30 ปีข้างหน้า โดยคาดหวังว่าในอนาคต ไต้หวันจะสามารถเสริมสร้างความร่วมมือที่เกี่ยวข้องกับ 2 ประเทศข้างต้นในด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ โดยเฉพาะในส่วนของการพัฒนาพลังงานในรูปแบบอนาคต ซึ่งหลายปีมานี้ ไต้หวันได้เร่งพัฒนาแผงวงจรพลังงานแสงอาทิตย์ ฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่ง และพลังงานเกิดใหม่ที่สำคัญๆ นอกจากนี้ พลังงานไฮโดรเจน พลังงานความร้อนใต้พิภพ ก็เป็นส่วนสำคัญของการผลักดันการพัฒนาระหว่างไต้หวัน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ โดยเมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา สภาบริหารได้มีมติผ่าน “ญัตติร่างแก้ไขกฎระเบียบว่าด้วยการพัฒนาพลังงานหมุนเวียน” ซึ่งได้เพิ่มบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับความร้อนใต้พิภพ จึงขอเชิญชวนให้สมาชิก ANZCham Taipei ร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานของไต้หวัน เพื่อเข้ามีส่วนร่วมในโอกาสธุรกิจการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสีเขียว
นอกจากนี้ ต่อกรณีประเด็นการพัฒนาทรัพยากรด้านบุคลากร นายกงฯ กล่าวว่า ข้าพเจ้าขอขอบคุณออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ สำหรับการสนับสนุน นโยบายประเทศสองภาษาและผู้เชี่ยวชาญด้านบุคลากรต่างชาติ จึงขอเชิญชวนให้บุคลากรผู้เชี่ยวชาญและนักศึกษาของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เดินทางมาร่วมแลกเปลี่ยน ประกอบอาชีพและเข้าศึกษาในไต้หวันอย่างต่อเนื่อง โดยในปัจจุบัน NDC ได้จัดตั้ง “สำนักงานบัตรทองการประกอบอาชีพ”ตราบจนปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีการอนุมัติบัตรทองการประกอบอาชีพแล้วเป็นจำนวนกว่า 6,000 ใบ ซึ่งได้ขยายเครือข่ายการให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การทำงานไปจนถึงการใช้ชีวิต นอกจากนี้ ต่อกรณีการศึกษาของบุตรธิดาชาวต่างชาติ และขั้นตอนการจัดตั้งบริษัท รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน รัฐบาลก็ได้เร่งทำการผลักดันอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปด้วย
ในช่วงท้าย นายกงฯ กล่าวว่า ปัจจุบัน ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ มีพัฒนาการที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา เชื่อว่าในอนาคต จะดีขึ้นกว่านี้อย่างแน่นอน โดยรัฐบาลจะมุ่งมั่นต่อไปภายใต้พื้นฐานดังกล่าว เพื่อร่วมสร้างปฏิสัมพันธ์กับออสเตรเลียและนิวซีแลนด์อย่างต่อเนื่อง ในการผลักดันและเสริมสร้างค่านิยมที่ยึดมั่นร่วมกันแบบพหุภาคี เพื่อร่วมคว้าโอกาสการเปลี่ยนผ่านสู่การพัฒนาทางเศรษฐกิจโลกต่อไป