ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ในจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น นับตั้งแต่เวลา 0.00 น.ของวันที่ 1 ม.ค. 2023 เป็นต้นไป CECC จะดำเนินมาตรการตรวจคัดกรองสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากจีน พร้อมเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามระเบียบด้านการสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 7 วัน และตรวจคัดกรองด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ
2022-12-30
New Southbound Policy。เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ในจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น นับตั้งแต่เวลา 0.00 น.ของวันที่ 1 ม.ค. 2023 เป็นต้นไป CECC จะดำเนินมาตรการตรวจคัดกรองสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากจีน พร้อมเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามระเบียบด้านการสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 7 วัน และตรวจคัดกรองด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ (ภาพจาก CECC)
เนื่องจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ในจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น นับตั้งแต่เวลา 0.00 น.ของวันที่ 1 ม.ค. 2023 เป็นต้นไป CECC จะดำเนินมาตรการตรวจคัดกรองสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางจากจีน พร้อมเรียกร้องให้นักท่องเที่ยวปฏิบัติตามระเบียบด้านการสังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 7 วัน และตรวจคัดกรองด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ (ภาพจาก CECC)

กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ วันที่ 28 ธ.ค. 65
 
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาด (CECC) ของไต้หวัน ประกาศว่า เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในจีน ที่นับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น และเพื่อสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงทางสุขภาพให้แก่ประชาชนในไต้หวัน พร้อมทั้งเชื่อมโยงระบบการดูแลทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยยืนยัน ตลอดจนร่วมป้องกันและตรวจสอบการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ นับตั้งแต่เวลา 0.00 น.ของวันที่ 1 ม.ค. 65 ไปจนถึงวันที่ 31 ม.ค. 65 (ตามตารางเวลาของเที่ยวบินที่เดินทางถึงไต้หวัน) นอกจากจะคงไว้มาตรการไม่เปิดพรมแดนให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าสู่ไต้หวันแล้ว นักท่องเที่ยวที่โดยสารเที่ยวบินตรง 4 เส้นทางจากจีน และนักท่องเที่ยวตาม “มาตรการการเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาสำหรับชาวจินเหมินและหมาจู่ในเทศกาลตรุษจีน” ต้องให้ความร่วมมือในการตรวจหาเชื้อโควิด - 19 แบบ PCR ในท่าอากาศยานหรือท่าเรือ โดยหลังจากเข้ารับการตรวจคัดกรองแล้ว ผู้โดยสารต้องรีบกลับสู่เคหสถานเพื่อสังเกตอาการของตนเองอย่างใกล้ชิด เป็นเวลา 7 วันและทำการตรวจคัดกรองด้วยตนเองอีกครั้ง สำหรับผู้ที่มีผลเป็นบวก จะต้องให้ความร่วมมือตามระเบียบการดูแลรักษาตัวในเคหสถานตามมาตรการกักกันโรค “5+n” ซึ่งหมายถึงผู้โดยสารต้องทำการกักตัวในเคหสถานให้ครบ 5 วันและสังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิดอีกเป็นระยะเวลาหนึ่งหรือจนกว่าผลการตรวจคัดกรองจะเป็นลบ ส่วนเชื้อไวรัสที่มีผลเป็นบวก จะถูกนำไปตรวจเพื่อแยกประเภทเชื้อในห้องทดลองที่คุนหยางของกรมควบคุมโรคต่อไป
 
CECC ระบุว่า เนื่องด้วยระยะนี้ จีนได้ทำการปรับเปลี่ยนมาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์โรคโควิด – 19 ประกอบกับข้อมูลของสถานการณ์ล่าสุดมีความไม่โปร่งใส อีกทั้งยอดผู้ป่วยยืนยันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้ ญี่ปุ่น อิตาลีและประเทศต่างๆ ได้ทยอยใช้มาตรการควบคุมพรมแดนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ข้างต้น ด้วยการตรวจคัดครองสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากจีน ควบคู่ไปกับการควบคุมตรวจสอบเที่ยวบินและมาตรการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด โดย CECC คาดการณ์ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในจีน อาจส่งผลกระทบต่อการป้องกันโรคระบาดและศักยภาพทางการแพทย์ของไต้หวัน
 
CECC ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สถานการณ์โควิด – 19 มักเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พวกเราไม่สามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งนอกจากจะดำเนินมาตรการตรวจคัดกรองสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากจีนแล้ว ผู้ที่เดินทางเข้าสู่เขตอาณาไต้หวัน หากมีอาการต้องสงสัยว่าอาจจะติดเชื้อโควิด – 19 ในระหว่างการเดินทางหรือก่อนการเดินทาง ภายในระยะเวลา 14 วัน ควรรีบแจ้งตรงต่อเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคในท่าอากาศยานหรือท่าเรือ พร้อมให้ความร่วมมือในการประเมินสุขภาพและตรวจคัดกรองเชื้อโควิด – 19 ตลอดจนสวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างทำความสะอาดมืออย่างเคร่งครัด ในระหว่างการเดินทางกลับสู่เคหสถาน
 
CECC เน้นย้ำว่า นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ไต้หวัน หลังจากที่ได้รับชุดตรวจคัดกรองเชื้อโควิด – 19 แล้ว จำเป็นต้องเฝ้าติดตามสังเกตอาการตนเองอย่างใกล้ชิด เป็นเวลา 7 วัน โดยในวันแรกที่เดินทางเข้าสู่ไต้หวัน หรืออยู่ในระหว่างการเฝ้าสังเกตอาการวันแรก หรือผู้ที่มีอาการต้องสงสัย ควรรีบตรวจคัดกรองเชื้อโควิด – 19 ด้วยตนเอง เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเองและผู้อื่น หากผู้ใดที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางออกนอกเคหสถานในระหว่างการเฝ้าสังเกตอาการ จำเป็นต้องมีผลการตรวจเป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน ส่วนผู้ที่มีผลเป็นบวกจะต้องรักษาตัวและเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดตามมาตรการ 5+n ต่อไป