
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 3 ม.ค. 66
เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับ Mr. Anders Fogh Rasmussen ประธานมูลนิธิพันธมิตรประชาธิปไตย (Alliance of Democracies Foundation, AoD) โดยมีนายกู้ลี่สง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วมในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย โดยรมว.อู๋ฯ ได้แสดงความยินดีต้อนรับคณะตัวแทนที่มาเยือนด้วยใจจริง พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณต่อ Mr. Rasmussen ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันในเวทีนานาชาติต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า ไต้หวันเป็นพันธมิตรที่ยึดมั่นในเสรีภาพและประชาธิปไตยที่เชื่อถือได้ เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายรุนแรงที่เกิดจากการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ ไต้หวันใช้ความมั่นใจ ความใจเย็นและความยับยั้งชั่งใจ ในการเสริมสร้างแสนยานุภาพการป้องกันประเทศอย่างเป็นรูปธรรมและกระตือรือร้น เพื่อยกระดับความทรหดในด้านสังคมและเศรษฐกิจของไต้หวัน พร้อมแสดงให้ทั่วโลกประจักษ์ถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องอธิปไตยของประเทศอย่างหนักแน่น รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันเป็นประเทศแนวหน้าที่ยืนหยัดในการธำรงรักษาค่านิยมด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย พร้อมยินดีที่จะประสานความร่วมมือและร่วมแลกเปลี่ยนกับพันธมิตรที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทางประชาธิปไตยและความเจริญรุ่งเรืองสืบไป
โดยรมว.อู๋ฯ ได้กล่าวขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอันหนักแน่นที่ Mr. Rasmussen มีต่อไต้หวันเสมอมาอย่างยาวนาน โดยในปี 2019 เขาได้เชิญรมว.อู๋ฯ เดินทางไปเยือนเดนมาร์กเพื่อเข้าร่วมแสดงปาฐกถาใน “การประชุมสุดยอดประชาธิปไตยโคเปนเฮเกน” (Copenhagen Democracy Summit) อีกทั้งนับตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ในทุกปี Mr. Rasmussen ก็จะเชิญประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้าร่วมแสดงสุนทรพจน์ เพื่อประกาศให้ทั่วโลกได้รับทราบถึงพลังเสียงแห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย รวมไปถึงความสมัครใจที่จะประสานความร่วมมือกับพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลกของไต้หวัน ในการผลักดันส่งเสริมค่านิยมสากลให้คงอยู่ต่อไป
Mr. Rasmussen กล่าวว่า หลังจากการเดินทางมาเยือนไต้หวันของตนในครั้งก่อนหน้า คือ ในปี 1994 ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ไต้หวันต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงและการเปลี่ยนผ่านครั้งยิ่งใหญ่ ซึ่งนอกจากจะมีความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจแล้ว ก็ยังก้าวสู่การเป็นต้นแบบแห่งประเทศประชาธิปไตยและเสรีภาพของสังคมโลกอีกด้วย นับเป็นประภาคารที่สำคัญในด้านเสรีภาพและประชาธิปไตยในพื้นที่ภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก Mr. Rasmussen ย้ำอีกว่า นัยยะสำคัญของการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงพลังสนับสนุนอันหนักแน่นที่มีต่อประชาธิปไตยของไต้หวัน และสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการประสานสามัคคี ระหว่างกลุ่มพันธมิตรด้านประชาธิปไตยและไต้หวัน
โดยในระหว่างการร่วมรับประทานอาหาร รมว.อู๋ฯ เลขาธิการกู้ลี่สวง และคณะตัวแทนที่นำโดย Mr. Rasmussen ได้ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึกในประเด็นเกี่ยวกับภัยคุกคามต่อไต้หวันด้วยกำลังทหารจากจีน สถานการณ์ความมั่นคงในพื้นที่ช่องแคบไต้หวัน สงครามรัสเซีย – ยูเครน กลไกความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหภาพยุโรป เป็นต้น โดย Mr. Rasmussen ได้ยืนยันว่า ตนจะร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้พันธมิตรด้านประชาธิปไตยทั่วโลกและไต้หวัน เสริมสร้างความร่วมมืออย่างปรองดองซึ่งกันและกันสืบไป