ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่อิงเหวิน ให้การต้อนรับคณะตัวแทนจาก “Project 2049 Institute” หน่วยงานคลังสมองของกรุงวอชิงตัน ดีซี
2023-01-12
New Southbound Policy。ปธน.ไช่อิงเหวิน ให้การต้อนรับคณะตัวแทนจาก “Project 2049 Institute” หน่วยงานคลังสมองของกรุงวอชิงตัน ดีซี (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไช่อิงเหวิน ให้การต้อนรับคณะตัวแทนจาก “Project 2049 Institute” หน่วยงานคลังสมองของกรุงวอชิงตัน ดีซี (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 11 ม.ค. 66
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 11 ม.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนจาก “Project 2049 Institute” ซึ่งเป็นหน่วยงานคลังสมองของกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยปธน.ไช่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อเหล่าคลังสมองที่ร่วมจับตาให้ความสำคัญต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันมาอย่างยาวนาน เชื่อว่า การเดินทางมาเยือนของคณะตัวแทนในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ในอนาคตต่อไป พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้กล่าวอีกว่า ในปี 2023 ไต้หวันจะส่งเสริมการสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ กับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านเสรีภาพ การเปิดกว้างและความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ภูมิภาคอินโด - แปซิฟิกสืบไป
 
ในช่วงแรก ปธน.ไช่ฯ ได้กล่าวทักทาย Mr. Randall G. Schriver ประธาน “Project 2049 Institute” และบรรดานักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ ที่มาเยือนไต้หวันในครั้งนี้ โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ครั้งที่แล้วที่ได้พบกับ Mr. Schriver คือในปี 2020 ซึ่งหลายปีมานี้ ไต้หวัน - สหรัฐฯ ได้ประสานความร่วมมือในการสกัดกั้นโรคระบาดและสร้างความร่วมมือเชิงลึกในกิจการด้านเศรษฐกิจ การค้าและความมั่นคง ภายใต้สถานการณ์โรคโควิด – 19 และการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า “Project 2049 Institute” มุ่งจับตาให้ความสำคัญต่อความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันและภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก มาเป็นเวลานาน อีกทั้งยังได้ยื่นข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ รวมถึงความร่วมมือด้านความมั่นคง โดยปธน.ไช่ฯ ขอแสดงความขอบคุณสำหรับการเฝ้าจับตาให้ความสำคัญในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันของคณะตัวแทน เชื่อว่า การมาเยือนของคณะตัวแทนในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและการสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ในอนาคตต่อไป
 
ไต้หวันเป็นประเทศในแนวหน้าที่ยืนหยัดในการปกป้องประชาธิปไตย พวกเราตระหนักดีว่า มีเพียงการเสริมสร้างศักยภาพทางกลาโหมด้วยการพึ่งพาตนเองและศักยภาพทางเศรษฐกิจ ความทรหดในสังคม จึงจะสามารถธำรงไว้ซึ่งประชาธิปไตยและเสรีภาพให้ดำเนินต่อไปได้ ตลอดจนเป็นการสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงให้แก่ประเทศชาติ รวมไปถึงสันติภาพและเสถียรภาพให้เกิดแก่ภูมิภาค
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า เมื่อช่วงที่ผ่านมา ไต้หวันได้ร่วมตัดสินใจและประกาศ  “แผนการปรับโครงสร้างกำลังพลเพื่อการป้องกันประเทศ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูระบบการเกณฑ์ทหารที่ต้องเข้ารับการฝึกอบรมและรับใช้ชาติเป็นเวลา 1 ปี โดยรัฐบาลจะเร่งเสริมสร้างทักษะความสามารถและศักยภาพด้านการป้องกันประเทศ พร้อมหวังที่จะสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรด้านประชาธิปไตย เพื่อร่วมธำรงรักษาแนวคิดและค่านิยมที่ยึดมั่นร่วมกันให้คงอยู่ต่อไป
 
ปธน.ไช่ฯ ชี้อีกว่า ไต้หวัน - สหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนสำคัญของกันและกันในด้านยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจการค้า หลายปีมานี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุมัติการจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้แก่ไต้หวันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อบรรลุคำมั่นด้านความมั่นคงที่ให้ไว้กับไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม
 
Mr. Schriver กล่าวว่า แม้ว่าตนจะไม่ได้มาเยือนไต้หวันนานแล้ว แต่ในระหว่างที่อยู่ในสหรัฐฯ ก็ได้จับตามองสถานการณ์ล่าสุดในไต้หวัน รวมถึงศักยภาพของการเป็นผู้นำประเทศอันยอดเยี่ยมของปธน.ไช่ฯ อยู่เสมอมา อีกทั้งยังได้ประจักษ์ถึงศักยภาพอันเข้มแข็งของปธน.ไช่ฯ เมื่อต้องเผชิญต่อแรงกดดันที่มาจากกองทัพปลดปล่อยประชาชน ( People's Liberation Army, PLA) ซึ่งความท้าทายเหล่านี้ล้วนแต่ผ่านไปอย่างยากลำบาก หากแต่ปธน.ไช่ฯ ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพด้านการปกป้องอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน รวมไปถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และผลประโยชน์สุขของประชาชน
 
Mr. Schriver ชี้อีกว่า วัตถุประสงค์หลักของการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการทำความเข้าใจต่อไต้หวันอย่างลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพื่อนำเสนอข้อคิดเห็นส่วนบุคคลและสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของไต้หวันที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ทั้งนี้ เพื่อทำหน้าที่ในการเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวัน ในระหว่างการพูดคุยและแลกเปลี่ยนกับสมาชิกรัฐสภา เจ้าหน้าที่ภาครัฐ กลุ่มเจ้าหน้าที่สภาบริหาร คลังสมองและสื่อมวลชนในกรุงวอชิงตันดีซี หลังจากที่เดินทางกลับสู่ประเทศต่อไป