ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 6 ก.พ. 66
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาของสวิตเซอร์แลนด์หรือรัฐสภาแห่งสหพันธ์ (Federal Assembly) โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ไต้หวัน - สวิตเซอร์แลนด์ เป็นพันธมิตรที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ในการยึดมั่นค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ และเป็นประเทศที่มุ่งเน้นการส่งออกเป็นหลักเช่นเดียวกัน จึงมีข้อได้เปรียบที่สามารถเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในด้านการพัฒนาเชิงอุตสาหกรรม ปธน.ไช่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคต ไต้หวัน – สวิตเซอร์แลนด์จะเร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงลึกต่อไป ควบคู่ไปกับการปกป้องความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานด้านประชาธิปไตย พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกัน เพื่อยกระดับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมุ่งมั่นเพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านความทรหดแห่งประชาธิปไตยระดับโลกร่วมกันต่อไป
ปธน.ไช่ฯ เผยว่า หลายปีมานี้ ความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – สวิตเซอร์แลนด์ นับวันยิ่งเป็นไปในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันได้รับความสำคัญเพิ่มมากขึ้นจากรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์ อันจะเห็นได้จากการที่ Mr. Fabian Molina ประธานกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในสภาแห่งชาติ (National Council) และ Mr. Nicolas Walder สมาชิกสภาแห่งชาติจากพรรคกรีน และ Mr. Mustafa Atici สมาชิกสภาแห่งชาติจากพรรคสังคมประชาธิปไตย ต่างทยอยยื่นเสนอญัตติที่เป็นมิตรต่อไต้หวันในที่ประชุมรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์ อยู่บ่อยครั้ง โดยเหล่าสมาชิกรัฐสภาต่างร่วมเรียกร้องให้มีการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – สตเซอร์แลนด์ ผ่านการตั้งกระทู้ซักถามต่อรัฐบาลกลาง นอกจากนี้ บรรดาสมาชิกสภายังได้เข้าร่วมลงนามในหนังสือเรียกร้อง เพื่อให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างกระตือรือร้น
ปธน.ไช่ฯ กล่าวขอบคุณสมาชิกรัฐสภาสำหรับการสนับสนุนอันหนักแน่นที่มีต่อไต้หวัน พร้อมคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองประเทศเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างกันในเชิงลึก ควบคู่ไปกับการปกป้องความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานด้านประชาธิปไตย ตลอดจนคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่างๆ ต่อไป อาทิ การร่วมสกัดกั้นข่าวปลอม การเสริมสร้างความมั่นคงทางไซเบอร์ เป็นต้น
ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่ตั้งอยู่แนวหน้าในการธำรงรักษาประชาธิปไตย โดยพวกเราจะมุ่งมั่นธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างแข็งขัน เมื่อเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ พวกเราต่างเรียกร้องให้พันธมิตรด้านประชาธิปไตยเร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนในเชิงลึก เพื่อรักษาวิถีชีวิตแห่งเสรีภาพและประชาธิปไตยของพวกเราให้คงอยู่ต่อไป
ในช่วงท้าย ปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะเห็นสมาชิกรัฐสภาสวิสเซอร์แลนด์ที่เดินทางมาเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ทำความเข้าใจต่อไต้หวันในเชิงลึก เพื่อส่งเสริมให้ทั้งสองประเทศเร่งยกระดับความสัมพันธ์แบบทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนร่วมอุทิศคุณประโยชน์ในการเสริมสร้างความทรหดแห่งประชาธิปไตยระดับโลกต่อไป ซึ่งปธน.ไช่ฯ ได้ร่วมอวยพรให้คณะตัวแทนประสบแต่ความราบรื่นในระหว่างแผนการเดินทางในครั้งนี้
Mr. Molina สมาชิกสภาแห่งชาติและประธานกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในสภาแห่งชาติสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวขณะปราศรัยว่า สงครามอันน่าเศร้าสลดในยูเครนเป็นจุดพลิกผันทางประวัติศาสตร์ครั้งใหญ่ โดยเฉพาะสำหรับกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของความสงบเรียบร้อยแบบพหุภาคีที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกาสากล ที่แม้แต่สันติภาพก็มิสามารถรักษาไว้ให้คงอยู่ได้ การบุกโจมตีของรัสเซียได้ส่งอิทธิพลสำคัญต่อลัทธิมนุษยธรรมและระบบเศรษฐกิจโลกในทวีปยุโรป ด้วยเหตุนี้ ภาคประชาชนและผู้นำนานาประเทศจึงควรเร่งเสริมสร้างกลไกการเจรจาและแสวงหาความร่วมมือกันในการส่งเสริมสันติภาพโลก ประชาธิปไตยและลัทธิพหุนิยม เพื่อสกัดกั้นมิให้ลัทธิอำนาจนิยมและการก่อสงครามได้รับชัยชนะในที่สุด
Mr. Molina กล่าวว่า สวิตเซอร์แลนด์ – ไต้หวันมีหลายส่วนที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งนอกจากประชาธิปไตยที่ได้รับการพัฒนาจนเจริญรุ่งเรืองแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างร่วมยึดมั่นในสิทธิมนุษยชนและธรรมาภิบาลร่วมกัน อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีทัศนียภาพทางภูเขาที่โดดเด่นสวยงาม และเปี่ยมด้วยวัฒนธรรมดั้งเดิมที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน นอกจากนี้ ทั้งสวิสเซอร์แลนด์ – ไต้หวันต่างก็พึ่งพาอาศัยการอพยพย้ายถิ่นฐาน การวิจัยและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี เข้าช่วยในการพัฒนาประเทศ แต่มีความขาดแคลนในด้านทรัพยากรทางธรรมชาติเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศกลับสามารถประยุกต์ใช้นวัตกรรมและหลักการปฏิบัติจริง ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ Mr. Molina จึงเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรที่จะเร่งเสริมสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีในเชิงลึก ภายใต้จิตวิญญาณพื้นฐานที่มีร่วมกัน
Mr. Molina กล่าวเพิ่มเติมว่า พันธกิจของนโยบายทางการทูตของสวิสเซอร์แลนด์ คือต้องลงมือปฏิบัติจริงและมุ่งสู่อนาคตที่สามารถคาดเดาได้ ด้วยเหตุนี้ ในปี 2021 สภาแห่งชาติของสวิสเซอร์แลนด์ จึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างสวิสเซอร์แลนด์ – ไต้หวัน เพื่อมุ่งสู่แนวทางการสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งในด้านการค้า การเมือง วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม เป็นต้น โดยการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับกับผลสัมฤทธิ์ข้างต้น
Mr. Molina ระบุว่า ในระหว่างปี 2023 – 2024 สวิตเซอร์แลนด์รับหน้าที่ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งมีหน้าที่ในการธำรงรักษาสันติภาพของโลกไว้ให้คงอยู่ต่อไป โดยการเดินทางมาเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ก็เพื่อดำเนินการตามพันธกิจข้างต้น โดยคณะตัวแทนเห็นว่า ความขัดแย้งและความตึงเครียดนานาประการระหว่างสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสาธารณรัฐประชาชนจีน ควรที่จะอาศัยกลไกการเจรจาในการขจัดความเห็นต่างอย่างสันติ ซึ่งนี่เป็นหลักสำคัญ
Mr. Walder แถลงว่า ไต้หวัน – สวิสเซอร์แลนด์ต่างให้ความสำคัญต่อค่านิยมด้านเสรีภาพ และให้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักสำคัญในสภาพแวดล้อมที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพและประชาธิปไตย เนื่องด้วยทั้งสองประเทศยึดมั่นในค่านิยมเดียวกัน ไต้หวันจึงเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจของสวิสเซอร์แลนด์ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ในทวีปเอเชีย ซึ่งมีสถานะที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ด้วยเหตุนี้ ทั้งสองประเทศจึงมีศักยภาพในการเสริมสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างกันในภายภาคหน้าอีกมาก
Mr. Walder กล่าวว่า ภายใต้สปิริตเช่นนี้ กลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาของสวิตฯ จึงได้เรียกร้องให้รัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์ ยื่นเสนอรายงาน 1 ฉบับ ท่ามกลางการตั้งกระทู้ซักถาม เพื่อระบุให้เห็นถึงโอกาสความร่วมมือระหว่างสวิสเซอร์แลนด์ - ไต้หวัน ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนแบบทวิภาคี จากรายงานฉบับนี้ กลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาสวิสเซอร์แลนด์ จะเร่งจับตาต่อแนวทางการดำเนินภารกิจที่เป็นรูปธรรมของรัฐบาลสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีภายใต้ทิศทางที่พวกเขาได้นำเสนอ อาทิ การลงนามในความตกลงว่าด้วยหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจกับไต้หวัน โดยอาศัยบทบาทที่สำคัญในเวทีนานาชาติของสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อเรียกร้องให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ อย่างองค์การอนามัยโลก (WHO)
Mr. Walder กล่าวว่า นอกเหนือจากประเด็นมนุษยธรรมแล้ว ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ ก็เผชิญหน้ากับอุปสรรคความท้าทายครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในกรณีที่รัสเซียและจีนได้สร้างความตึงเครียดให้เกิดแก่ภูมิภาค ซึ่งส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของโลก เมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามเช่นนี้ พวกเขามีภาระหน้าที่ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับประเทศที่มีผลประโยชน์หรือกลุ่มประเทศที่ยึดมั่นในแนวคิดคล้ายคลึงกัน โดยกลุ่มประเทศเหล่านี้ล้วนมีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อโลก และอาศัยกลไกการเจรจา ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ในการมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งไต้หวันก็รวมเป็นหนึ่งนั้นด้วย
Mr. Walder ให้คำมั่นต่อปธน.ไช่ฯ ว่า กลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาของสวิสเซอร์แลนด์ จะใช้ทุกโอกาสในการเร่งบรรลุภารกิจในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนไต้หวันในการธำรงรักษาระบอบประชาธิปไตย ให้คงอยู่ต่อไป