กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 9 มี.ค. 66
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Bill Birtles ผู้สื่อข่าวของบรรษัทกระจายเสียงแห่งประเทศออสเตรเลีย (Australia Broadcasting Corporation, ABC) ที่ประจำการอยู่ในไต้หวัน โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้ถูกเผยแพร่ผ่านรายการ Current Affairs 7.30 ในช่วงเวลา Prime Time ซึ่งได้รับความสนใจจากทุกแวดวงในออสเตรเลียเป็นอย่างมาก
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า เพื่อรับมือกับการข่มขู่ด้วยกำลังทหารที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นจากรัฐบาลจีน ไต้หวันได้เร่งเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันประเทศอย่างกระตือรือร้น โดยเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2022 ซึ่งจีนใช้ข้ออ้างจากการที่นางแนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน มาทำการซ้อมรบครั้งใหญ่ในพื้นที่น่านน้ำรอบไต้หวัน ทำให้ไต้หวันตระหนักถึงความจำเป็นในการเร่งเสริมสร้างแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศโดยพลังประชาชน ด้วยการฟื้นฟูระบบการเกณฑ์ทหารที่ต้องเข้ารับการฝึกอบรมและรับใช้ประเทศเป็นเวลา 1 ปี ควบคู่ไปกับการจัดเตรียมความพร้อมด้านกลาโหม การฝึกอบรมทางทหาร และการฝึกอบรมกำลังพลสำรองอย่างสม่ำเสมอ โดยรมว.อู๋ฯ ย้ำว่า ไต้หวันมีศักยภาพ ความมุ่งมั่นตั้งใจและการเตรียมความพร้อมในการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง และมีความเชื่อมั่นต่อเยาวชนยุคใหม่ที่ยินดีเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการผนึกกำลังปกป้องประเทศชาติอย่างสามัคคี
ส่วนกรณีการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งใหญ่ของไต้หวันและสหรัฐอเมริกาที่มีกำหนดการจัดขึ้นในปี 2024 จะเป็นการเปิดโอกาสให้จีนเข้าแทรกแซงหรือรุกรานดินแดนไต้หวันหรือไม่นั้น รมว.อู๋ฯ แถลงว่า ไต้หวันมีความภาคภูมิใจต่อประชาธิปไตยของตนเอง มิหวั่นเกรงต่อการแข่งขันทางการเมืองที่รุนแรงในระหว่างการเลือกตั้ง แต่ถึงกระนั้น จีนกลับใช้ทุกวิถีทางเพื่อควบคุมและสร้างอิทธิพลต่อการเลือกตั้งของไต้หวัน ซึ่งเราต้องระวังไม่ให้จีนฉวยโอกาสในการเลือกตั้งครั้งใหญ่ของไต้หวัน มาทำการก่อเหตุที่ไม่สมควร โดยไต้หวันได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ทั้งจากหน่วยงานบริหาร หน่วยงานนิติบัญญัติและ 2 พรรคการเมืองหลัก ดังนั้น ไม่ว่าพรรคใดจะได้รับเลือกเป็นพรรครัฐบาล ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานตามนโยบายต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อไต้หวัน โดยระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐฯ มีความสมบูรณ์และระบบระเบียบที่แน่ชัด ซึ่งจะไม่เกิด “สูญญากาศทางอำนาจ” ในระหว่างการถ่ายโอนอำนาจทางการเมือง อันจะเป็นการเปิดโอกาสให้จีนมีโอกาสเข้าแทรกแซง ด้วยเหตุนี้ ไต้หวันจึงไม่รู้สึกเป็นกังวลเลย
รมว.อู๋ฯ ให้การยอมรับและขอบคุณรัฐบาลออสเตรเลีย สำหรับการยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นมิตรต่อไต้หวัน โดยจะเห็นได้จากการแสดงความห่วงใยต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพช่องแคบไต้หวันด้วยอาวุธทหารและด้วยความเห็นชอบเพียงฝ่ายเดียว ตลอดจนให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างหนักแน่น รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - ออสเตรเลีย มีความแข็งแกร่งและสมบูรณ์ โดยไต้หวันจะเร่งสร้างความร่วมมือกับออสเตรเลีย ในการผลักดันกิจการที่เป็นประโยชน์ต่อประชาคมโลก อาทิ การผลักดันไต้หวันเข้าร่วมใน “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (CPTPP) และความตกลงทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ (ECA) ระหว่างไต้หวัน - ออสเตรเลีย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองใน 2 ประเทศและภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกสืบต่อไป
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังชี้ว่า นับตั้งแต่เมื่อปีที่แล้วหลังสถานการณ์สงครามรัสเซีย – ยูเครน ไต้หวันก็ได้ประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในทันที พร้อมทั้งบริจาคเวชภัณฑ์ทางการแพทย์จำนวน 27 ตัน และระดมสิ่งของจำเป็นเพื่อทำการบริจาคอีกกว่า 600 ตัน รวมทั้งบริจาคเงิน 33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อส่งมอบให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ลี้ภัยชาวยูเครนอย่างเร่งด่วน ผ่านกลุ่มประเทศรายรอบอย่างโปแลนด์ สโลวัก เช็กและลิทัวเนีย โดยของที่ระลึกที่วางประดับอยู่ในห้องทำงานรมว. อู๋ฯ อาทิ ธงชาติยูเครนที่มีลายมือชื่อของวีรชนผู้กล้าหาญชาวยูเครนที่ต่อสู้และปฏิบัติภารกิจอยู่แนวหน้า นวมที่มีลายเซนต์ของนายวิตาลี คลิตช์โก (Vitali Klitschko) นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ และน้องชาย ซึ่งทั้งสองพี่น้องเคยเป็นนักมวยในระดับแชมป์โลกมาก่อน ต่างล้วนเป็นการแสดงให้เห็นถึงการขอบคุณและมิตรภาพที่มีต่อไต้หวัน และเป็นการส่งมอบพลังที่ช่วยสร้างความฮึกเหิมให้แก่ไต้หวันเป็นอย่างมาก