ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 14 มี.ค. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 มี.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนของเซนต์ลูเซียที่นำโดย Mr. Alva R. Baptiste รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ การบินพลเรือนและกิจการพลเมืองเซนต์ลูเซียโพ้นทะเล” โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า หลายปีมานี้ ไต้หวัน – เซนต์ลูเซีย บังเกิดผลสัมฤทธิ์ทางความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในด้านต่างๆ มากมาย คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองประเทศยึดมั่นในหลักการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ในการเปิดบริบทใหม่แห่งความร่วมมือที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสวงหาความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกให้เกิดแก่ภาคประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป
ปธน.ไช่ฯ ชี้แจงว่า เมื่อปี 2019 ในระหว่างที่ข้าพเจ้าเดินทางเยือนเซนต์ลูเซีย ก็ได้ลงพื้นที่สำรวจ “โครงการศูนย์พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในเขตพื้นที่ Gros Islet” (Gros Islet Human Resource Development Centre) และ “โครงการขยายการติดตั้งเครือข่ายอินเทอร์เน็ต” ซึ่งโครงการเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการส่งมอบทรัพยากรและโอกาสการเรียนรู้ที่เพิ่มมากขึ้นให้แก่เยาวชนในพื้นที่
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า หลายปีมานี้ มีนักศึกษาชาวเซนต์ลูเซียจำนวนมากเดินทางมาเข้ารับการศึกษาในไต้หวัน โดยเมื่อช่วงที่ผ่านมา มีบัณฑิตชาวเซนต์ลูเซียรวม 15 คนที่เข้าร่วม “หลักสูตรฝึกอบรมการพยาบาลทางคลินิกเฉพาะสาขาหลังปริญญาตรี สำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติ” ในมหาวิทยาลัย I-Shou University ที่ตั้งอยู่ทางภาคใต้ของไต้หวัน ซึ่งได้สำเร็จหลักสูตรและเดินทางกลับมาตุภูมิ เพื่อนำความรู้ที่ศึกษาเล่าเรียนไปสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ภาคประชาสังคม
ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า การเดินทางเยือนไต้หวันของรมว. Baptiste ในครั้งนี้ นอกจากมีกำหนดการแสดงปาฐกถาต่อกลุ่มเยาวชนชาวไต้หวันแล้ว ยังจะเข้าร่วมพูดคุยกับนักศึกษาชาวเซนต์ลูเซีย เชื่อว่าจะสามารถกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนในแง่มุมต่างๆ ทางการศึกษาได้มากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ปธน.ไช่ฯ ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรมว. Baptiste และ Mr. Philip J. Pierre นายกรัฐมนตรีเซนต์ลูเซีย ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีนานาชาติอย่างสม่ำเสมอ พร้อมทั้งให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างหนักแน่นเสมอมา โดยปธน.ไช่ฯ ได้ฝากให้รมว. Baptiste ส่งผ่านคำทักทายและคำขอบคุณไปสู่นรม. Pierre
รมว. Baptiste กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้รับข้อคิดมากมายจากการเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ไต้หวันมีพัฒนาการทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรุดหน้าในช่วงระหว่างปี 1960- 1990 โดยมีการเติบโตขึ้นอย่างครอบคลุมในทุกด้าน ซึ่งเป็นผลมาจากการยึดมั่นในแผนยุทธศาสตร์การปฏิรูปทางเศรษฐกิจ จึงสามารถเทียบได้กับกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองแล้ว ในด้านทุนสำรองระหว่างประเทศ ไต้หวันสามารถแข่งขันกับอังกฤษ ฝรั่งเศสและเยอรมนีได้ โดยผลสัมฤทธิ์ทางเศรษฐกิจของไต้หวันเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความทรหดและความภาคภูมิใจของประชาชนชาวไต้หวัน โดยการเดินทางมาเยือนของคณะตัวแทนในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการแสดงจุดยืนการพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคีกับไต้หวัน ภายใต้พื้นฐานแห่งการเคารพและความไว้วางใจซึ่งกันและกัน พร้อมเน้นย้ำถึงความเชื่อมโยงระหว่างภาคประชาชน ซึ่งมีนัยยะสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างภาคประชาชน นอกเหนือจากด้านการเมือง
รมว. Baptiste กล่าวปิดท้ายว่า ข้าพเจ้ารู้สึกนับถือแนวคิดและแนวทางการปฏิบัติภารกิจอย่างเป็นรูปธรรมของปธน.ไช่ฯ ด้วยใจจริง โดยเชื่อว่า นรม. Pierre จะเร่งเสริมสร้างความร่วมมือกับปธน.ไช่ฯ ในการส่งเสริมการพัฒนาของสองประเทศ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างไต้หวัน - เซนต์ลูเซีย นอกจากนี้ รมว. Baptiste ยังได้แสดงความขอบคุณต่อประชาชนชาวไต้หวันที่ร่วมสรรค์สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อทุกเพศสภาพ เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มสตรีก้าวสู่การเป็นหุ้นส่วนที่มีความเท่าเทียมและมีคุณค่าในระหว่างการมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของตนเอง ซึ่งมีนัยยะเชิงบวกต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างมาก