ช้ามไปยังส่วนข้อมูลหลัก
ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวสุนทรพจน์ก่อนออกเดินทางเยือนประเทศพันธมิตร ตาม “แผนการเยือนหุ้นส่วนประชาธิปไตยเพื่อความรุ่งเรืองร่วมกัน”
2023-03-30
New Southbound Policy。ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวสุนทรพจน์ก่อนออกเดินทางเยือนประเทศพันธมิตร ตาม “แผนการเยือนหุ้นส่วนประชาธิปไตยเพื่อความรุ่งเรืองร่วมกัน” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)
ปธน.ไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) กล่าวสุนทรพจน์ก่อนออกเดินทางเยือนประเทศพันธมิตร ตาม “แผนการเยือนหุ้นส่วนประชาธิปไตยเพื่อความรุ่งเรืองร่วมกัน” (ภาพจากทำเนียบประธานาธิบดี)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 29 มี.ค. 66
 
เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนประเทศพันธมิตรอย่างสาธารณรัฐกัวเตมาลาและเบลีซ เพื่อเปิดฉาก “แผนการเยือนหุ้นส่วนประชาธิปไตยเพื่อความรุ่งเรืองร่วมกัน” เป็นเวลา 10 วัน 9 คืน ก่อนออกเดินทาง ปธน.ไช่ฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติ โดยชี้แจงว่า การเดินทางในครั้งนี้เพื่อสำแดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับประเทศพันธมิตร และเพื่อสื่อความหมายที่ชัดเจน 3 ประการ ได้แก่ ประการแรก ไต้หวันจะมุ่งมั่นปกป้องค่านิยมด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย เพื่อสำแดงบทบาทหน้าที่เป็นพลังแห่งความดีในประชาคมโลกต่อไป ประการที่สอง ไต้หวันมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก โดยจะมุ่งแสวงหาการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันกับมิตรประเทศทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง และประการสุดท้าย ความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการก้าวสู่ประชาคมโลก นับวันยิ่งทวีความแกร่งกล้ามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้พวกเราร่วมมุ่งสู่เสรีภาพและประชาธิปไตย มุ่งสู่สันติภาพและเสถียรภาพ และมุ่งสู่ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป
 
การกล่าวปราศรัยของปธน.ไช่ฯ ในครั้งนี้ มีสาระสำคัญ ดังนี้ :
 
ขณะนี้ พวกเราเตรียมออกเดินทางเยือน 2 ประเทศพันธมิตร ประกอบด้วย กัวเตมาลาและเบลีซ โดยจะแวะผ่านนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ในเที่ยวบินขาไป และจะแวะผ่านนครลอสแอนเจลิสในเที่ยวบินขากลับ
 
ตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่ามานี้ แม้ว่าสถานการณ์โรคโควิด – 19 จะส่งผลกระทบต่อการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนทั่วโลก แต่ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวันและประชาคมโลก โดยไต้หวันเป็นประเทศที่ยืนหยัดเคียงข้างพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลกเสมอมาตราบจนปัจจุบัน อีกทั้งยินดีที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือแก่ประชาคมโลก เมื่อทั่วโลกต้องเผชิญกับผลกระทบที่เกิดจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ท่ามกลางสถานการณ์การแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ พวกเราควรร่วมยืนหยัดในจุดยืนว่าด้วยการธำรงรักษาประชาธิปไตยและเสรีภาพให้ยั่งยืนสืบไป
 
ประการแรก ไต้หวันจะมุ่งมั่นปกป้องค่านิยมด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย เพื่อสำแดงบทบาทหน้าที่เป็นพลังแห่งความดีในประชาคมโลกต่อไป

ตลอดระยะเวลา 3 ปีกว่านี้ ทั่วโลกต้องประสบกับปัญหาความท้าทายอย่างใหญ่หลวง อาทิ สถานการณ์โรคโควิด – 19 สงครามรัสเซีย – ยูเครน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภัยพิบัติ เป็นต้น โดยไต้หวันยินดีในการอุทิศคุณประโยชน์เมื่อประชาคมโลกมีความต้องการ และเมื่อไต้หวันประสบกับอุปสรรค กลุ่มพันธมิตรประชาธิปไตยก็ได้ส่งมอบความช่วยเหลืออย่างอบอุ่นให้แก่ไต้หวันด้วยเช่นกัน
 
ในการเดินทางครั้งนี้ ข้าพเจ้ายังจะร่วมแสดงความขอบคุณต่อพันธมิตรด้านประชาธิปไตย สำหรับ “การสนับสนุนไต้หวัน” อย่างหนักแน่น พร้อมป่าวประกาศต่อทั่วโลกว่า ไต้หวันที่เป็นประชาธิปไตยจะมุ่งมั่นธำรงรักษาค่านิยมด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย อย่างหนักแน่น โดยจะสำแดงบทบาทที่เป็นพลังแห่งความดีบนโลกใบนี้ต่อไป เพื่อสืบสาน “วัฏจักรแห่งความดี” ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความทรหดด้านประชาธิปไตยโลกให้คงอยู่อย่างยั่งยืน
 
ประการที่สอง ไต้หวันมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก โดยจะมุ่งแสวงหาการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันกับมิตรประเทศทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง

พวกเราจะร่วมแลกเปลี่ยนกับกลุ่มประเทศพันธมิตรและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างแนบแน่น ในด้านเทคโนโลยีการเกษตร การแพทย์และสาธารณสุข สิทธิสตรี เศรษฐกิจดิจิทัล และความมั่นคงในระบบห่วงโซ่อุปทาน เป็นต้น เพื่อเปิดฉากความร่วมมือระหว่างกันในเชิงกว้างต่อไป
 
โดยเฉพาะในยุคหลังโควิด – 19 ไต้หวันสวมบทบาทที่มิสามารถขาดได้ในการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานระดับโลก โดยพวกเราจะแสวงหาโอกาสในการเสริมสร้างความร่วมมือกับมิตรประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างคุณประโยชน์ที่สำคัญในด้านการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด – 19 ต่อไป
 
ประการสุดท้าย ความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการก้าวสู่ประชาคมโลก นับวันยิ่งทวีความแกร่งกล้ามากยิ่งขึ้น

ไต้หวันเป็นไต้หวันของประชาคมโลก การนำพาไต้หวันก้าวสู่เวทีโลก และส่งเสริมให้ประชาคมโลกก้าวเข้าสู่ไต้หวัน ถือเป็นเป้าหมายสำคัญของการบริหารประเทศของพวกเรา แรงกดดันจากภายนอกไม่เป็นอุปสรรคต่อความมุ่งมั่นตั้งใจในการก้าวเข้าหาประชาคมโลกของไต้หวัน พวกเรามีสติและความเชื่อมั่น โดยจะไม่ยอมจำนน และไม่ท้าทายให้เกิดข้อพิพาทระหว่างกัน
 
โดยปธน.ไช่ฯ ยังใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ของสายการบิน China Airlines โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งในการมุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ทางการทูตควบคู่ไปพร้อมกับรัฐบาล ความเป็นมืออาชีพและการบริการอย่างครอบคลุมของทุกท่าน ทำให้พวกเราสามารถพุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ภารกิจในการเดินทางในครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่