ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 7 เม.ย. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น หรือเทียบเท่ากับช่วงรุ่งสางของวันที่ 7 เม.ย. ตามเวลาในกรุงไทเป ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และคณะตัวแทนได้เข้าร่วมงานเลี้ยงน้ำชาที่จัดขึ้นในนครลอสแอนเจลิส เพื่อร่วมพูดคุยกับบรรดาผู้สื่อข่าวในประเด็นต่างๆ อาทิ ตารางการเดินทางเยือนประเทศพันธมิตรและการแวะเยือนพื้นที่ต่างๆ ในสหรัฐฯ ของคณะจากไต้หวัน ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ และความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งปธน.ไช่ฯ ได้ตอบข้อซักถามของเหล่าผู้สื่อข่าว และสามารถสรุปโดยสังเขปได้ดังนี้
ปธน.ไช่ฯ เชื่อว่า การเดินทางเยือนในครั้งนี้จะเป็นการกระชับความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศพันธมิตร ให้มีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งที่ผ่านมา ประชาชนชาวไต้หวันทุกคนล้วนมีความประทับใจต่อการสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มกำลังของประธานาธิบดี Alejandro Eduardo Giammattei Falla ผู้นำสาธารณรัฐกัวเตมาลา โดยพวกเราต่างเห็นแล้วว่า ไต้หวัน – กัวเตมาลาได้ร่วมกันจัดตั้งสถานพยาบาล ซึ่งได้เปิดให้บริการในพื้นที่อย่างเป็นทางการแล้ว นอกจากนี้ ในเบลีซ นักศึกษาทุนที่ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลไต้หวันเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ก็ได้สำเร็จการศึกษาจากไต้หวัน และได้เดินทางกลับสู่มาตุภูมิ เพื่ออุทิศคุณประโยชน์แก่สังคม อีกทั้งยังมีบัณฑิตที่เข้ามีส่วนร่วมในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของไต้หวัน อีกทั้งในปัจจุบัน กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยียังได้มีการผลักดันโครงการส่งเสริมระบบการผลิตและแนะแนวการเลี้ยงแกะพันธุ์
ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า ตนและคณะตัวแทนต่างก็รู้สึกประทับใจต่อการเดินทางแวะเยือนพื้นที่ต่างๆ ในสหรัฐฯ ครั้งนี้เป็นอย่างมาก เพราะมีโอกาสสร้างปฏิสัมพันธ์และแลกเปลี่ยนกับมิตรสหายชาวสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ Ms. Laura Rosenberger ประธานสถาบันอเมริกาในไต้หวัน (AIT) ที่ให้ความช่วยเหลือแก่คณะจากไต้หวันในการเดินทางแวะเยือนนครนิวยอร์กและนครลอสแอนเจลิส
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ตนได้เดินทางเยือนประเทศพันธมิตรหลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 สิ้นสุดลง แต่ถึงกระนั้น ก็ยังต้องเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่มีความซับซ้อนวุ่นวายไม่จบสิ้น จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศทุกคนที่ร่วมมุ่งมั่นสกัดกั้นโรคระบาด ต่อสู้กับแรงกดดันต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวทันประชาคมโลกอย่างมีเสถียรภาพและก้าวไปได้ไกลมากยิ่งขึ้น ในอนาคต พวกเรายังจะร่วมมือและก้าวเดินไปด้วยกันต่อไป
สำหรับข้อซักถามของสื่อมวลชนที่ว่า การแวะเยือนนครลอสแอนเจลิสเพื่อหารือกับ Mr. Kevin McCarthy ประธานสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐอเมริกา ถือเป็นการทูตแบบแวะผ่านทางหรือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ปธน.ไช่ฯ ตอบว่า เชื่อว่าทุกคนอาจมีมุมมองที่แตกต่างกัน แต่การแวะเยือนสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ก็ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมานานแล้ว ตนเพียงใช้โอกาสนี้ร่วมแสดงความห่วงใยต่อมิตรสหายชาวสหรัฐฯ และเปิดโอกาสให้มีการเสวนาระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรม
เกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลจีนจะจัดตั้งกลไกพิธีการศุลกากรในพื้นที่รอบน่านน้ำช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเปรียบเหมือนการครอบครองน่านน้ำสากลเข้าสู่ดินแดนภายใต้การปกครองของจีน รัฐบาลไต้หวันมีมาตรการแนวทางการรับมืออย่างไร ปธน.ไช่ฯ ชี้แจงว่า ในระหว่างการเดินทางของตนและคณะในครั้งนี้ คณะสภาความมั่นคงแห่งชาติต่างเฝ้าจับตาสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง โดยมีพันธกิจเพื่อสร้างหลักประกันให้เรือทุกลำในน่านน้ำของไต้หวันสามารถเดินเรือมุ่งหน้าไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัย ตลอดจนป้องกันมิให้เกิดพฤติกรรมคุกคามใดๆ เกิดขึ้นในน่านน้ำไต้หวัน
สื่อยังซักถามต่อไปว่า เหตุใดจึงนัดพบกับ Mr. McCarthy ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เพียงแค่ต้องการเร่งเวลาในการพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เนื่องจากในระยะนี้ รัฐสภาสหรัฐฯ ได้มีการอภิปรายกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันหลายรายการ โดยเหล่าสมาชิกสภาได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในประเด็นที่เกี่ยวกับการพิจารณาร่างกฎหมาย ซึ่งเป็นการดีที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายได้พบปะกันในเวลานี้
ส่วนในกรณีที่ว่า การเดินทางเยือนกลุ่มประเทศพันธมิตรในครั้งนี้ ได้รับอิทธิพลจากจีนหรือไม่นั้น ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า การวางแผนตารางการเดินทางเยือนประเทศพันธมิตร เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ สำหรับการมีโอกาสได้ร่วมเสวนากับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ปธน.ไช่ฯ เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการสร้างเสถียรภาพด้านความสัมพันธ์และสันติภาพในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันและในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ปธน.ไช่ฯ คาดหวังให้จีนยับยั้งความคิดวู่วาม รวมทั้งอย่าตื่นตระหนกจนเกินควร
นอกจากนี้ สื่อยังซักถามอีกว่า หลังจากที่ปธน.ไช่ฯ หมดวาระการดำรงตำแหน่งผู้นำไต้หวันแล้ว ผู้นำไต้หวันคนต่อไปจะสืบสานแนวทางความสัมพันธ์ทางการทูตและแนวทางความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ให้คงอยู่ต่อไปหรือไม่นั้น ปธน.ไช่ฯ ตอบว่า นโยบายทางการทูตและนโยบายที่เกี่ยวข้องที่ปธน.ไช่ฯ ยื่นเสนอและมุ่งมั่นผลักดันขณะตำแหน่งผู้นำประเทศในปัจจุบัน เป็นนโยบายที่ได้รับการไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนที่สุด ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของไต้หวัน ปธน.ไช่ฯ เชื่อว่าภารกิจที่ดำเนินอยู่ ณ ปัจจุบัน เป็นผลดีต่อไต้หวันมากที่สุด จึงคาดหวังว่า ในอนาคตไม่ว่าผู้สมัครลงเลือกตั้งปธน.จากพรรคใดได้รับเลือกให้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไป เขาผู้นั้นจะสามารถยึดมั่นในหลักการการคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของไต้หวัน เพื่อส่งเสริมนโยบายทางการทูตที่เหมาะสม
หลังเสร็จสิ้นการเสวนาระหว่างปธน.ไช่ฯ กับ Mr. McCarthy แล้ว จะมีการจัดการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เนื่องด้วยประเด็นแนวทางการรับมือกับจีนหรือไม่ และในระหว่างการพูดคุยกับ Mr. McCarthy ได้มีการระบุถึงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ทางการทหารอย่างเป็นรูปธรรมหรือไม่ ปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน ได้เฝ้าจับตาต่อสถานการณ์ในภาพรวมอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างหลักประกันให้การเดินทางในครั้งนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่น และสร้างเสถียรภาพในสถานการณ์ระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ซึ่งถือเป็นภารกิจที่มีความจำเป็นต่อเนื่อง โดยสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดให้ตนรับรู้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐฯ ปธน.ไช่ฯ คาดหวังให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสหรัฐฯ เร่งจัดส่งสินค้าตามกำหนดเวลา
ในการหารือระหว่างปธน.ไช่ฯ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ได้มีการระบุถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำสงครามจิตวิทยาของจีน หรืออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์หรือไม่ ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า ตลอดที่ผ่านมา พวกเราได้ให้การต้อนรับมิตรสหายต่างชาติที่เดินทางมาเยือนไต้หวันอย่างเป็นกันเอง ซึ่งทุกครั้งที่มีมิตรสหายมาเยือนก็มักจะมีการระบุถึงสงครามจิตวิทยาของจีนหรือในด้านเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญร่วมกัน แต่ในการเจรจาหารือเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ใช้เวลาพูดคุยในประเด็นนี้สักเท่าไหร่นัก เนื่องจากพวกเราเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันเป็นหลัก
นอกจากนี้ สื่อยังได้ซักถามว่า หลายปีมานี้ มีประเทศพันธมิตรหลายประเทศที่ทยอยยุติความสัมพันธ์ทางการทูตกับไต้หวัน แต่ก็มีพันธมิตรด้านประชาธิปไตยที่มิใช่ประเทศพันธมิตรของไต้หวันร่วมสานสัมพันธ์กับไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม ไต้หวันมีแนวทางในการเลือกเส้นทางเดินเช่นไร ปธน.ไช่ฯ เผยว่า การดำเนินการแลกเปลี่ยนอย่างเป็นรูปธรรมกับนานาประเทศและการจัดตั้งกลไกการเดินทางไปมาหาสู่กันอย่างเป็นรูปธรรม มีความสำคัญเช่นเดียวกันกับการรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตกับกลุ่มประเทศพันธมิตร ด้วยเหตุนี้ กระทรวงการต่างประเทศและสภาความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวันจึงควรที่จะประสานความร่วมมือกันอย่างขมักเขม้น โดยพวกเราคาดหวังที่จะเสริมสร้างความเข้าใจต่อสถานการณ์ล่าสุดของไต้หวันในระหว่างการมีปฏิสัมพันธ์กับมิตรประเทศ ควบคู่ไปกับการแสวงหาพลังสนับสนุนจากมิตรประเทศในระหว่างการดำเนินภารกิจที่เกี่ยวข้องกับกิจการด้านสองฝั่งช่องแคบไต้หวันและกิจการระหว่างประเทศ
ส่วนสหรัฐฯ จะให้ความช่วยเหลือทางการทูตต่อไต้หวันหรือให้ความสนับสนุนต่อความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและประเทศพันธมิตรหรือไม่นั้น ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ ยึดมั่นในจุดยืนว่าด้วยการสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศพันธมิตรเสมอมา ซึ่งสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไต้หวันอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ พวกเราก็คาดหวังที่จะสร้างความสัมพันธ์กับประเทศพันธมิตรให้เกิดความแนบแน่นมากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ค่านิยมและจิตวิญญาณในการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ได้รับการสืบสานต่อไป