ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 9 พ.ค. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมารองประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ แห่งสาธารณรัฐจีน(ไต้หวัน) ได้จัดการพบปะเจรจาแบบทวิภาคีกับรองนายกรัฐมนตรีเจฟฟรี เฮนลีย์ (Geoffrey Hanley) แห่งสหพันธรัฐเซนต์คริสโตเฟอร์และเนวิส (Federation of Saint Christopher and Nevis) ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนไต้หวัน โดยรองปธน.ไล่ฯได้กล่าวขอบคุณ รองนรม. เฮนลีย์ ที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมระบุว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของเซนต์คิตส์และเนวิส โครงการความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศมีมากมายและหลากหลายด้าน ในอนาคตไต้หวันจะยังคงเสริมสร้างความร่วมมือกับเซนต์คิตส์และเนวิสต่อไป พร้อมแสดงความคาดหวังให้มิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศมีความมั่นคงแข็งแกร่ง ประชาชนมีความผาสุกและมีสวัสดิภาพ
รองปธน.ไล่ฯกล่าวในช่วงต้นของการปราศรัยว่า ในฐานะตัวแทนประธานาธิบดีไช่อิงเหวินและประชาชนชาวไต้หวัน ขอต้อนรับรองนรม. เฮนลีย์และภริยาที่นำคณะตัวแทนเดินทางมาเยือนไต้หวัน และขอขอบคุณรองนรม. เฮนลีย์ ที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงถึงการสนับสนุนไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกันนี้ขออวยพรให้การเยือนในครั้งนี้ประสบกับความสำเร็จและราบรื่นทุกประการ
รองปธน.ไล่ฯแถลงว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนของเซนต์คิตส์และเนวิส โครงการความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศมีมากมายและหลากหลายด้าน ซึ่งประกอบด้วย ด้านการศึกษา การแพทย์และสาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน สารสนเทศและโทรคมนาคม การจัดการขยะ การปรับโครงสร้างด้านการเกษตรเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รายการพัฒนาพลังงานสีเขียวเป็นต้น ในอนาคตไต้หวันจะยังคงเสริมสร้างความร่วมมือกับเซนต์คิตส์และเนวิสในด้านต่างๆเหล่านี้ต่อไป เพื่อให้โครงการต่างๆ ประสบผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นการสร้างความผาสุกให้เกิดแก่ประชาชนของเซนต์คิตส์และเนวิส
รองปธน.ไล่ฯยังกล่าวว่า เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา รัฐสภาของสหพันธรัฐเซนต์คริสโตเฟอร์และเนวิส ได้มีมติเห็นชอบอย่างเป็นเอกฉันท์ ในการสนับสนุนให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ อาทิ องค์การอนามัยโลก (WHO) องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) และกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เป็นต้น สำหรับไต้หวันแล้วถือว่ามีความหมายที่ยิ่งใหญ่มาก รองปธน.ไล่ฯจึงขอแสดงความขอบคุณอีกครั้งสำหรับการสนับสนุนที่มีต่อไต้หวันของเซนต์คิตส์และเนวิส พร้อมกันนี้ยังได้อวยพรให้มิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศมีความมั่นคงแข็งแกร่ง ประชาชนมีความผาสุกและมีสวัสดิภาพ
ด้านรองนรม. เฮนลีย์กล่าวว่า ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ไต้หวันกับเซนต์คิตส์และเนวิส ต่างเคารพและเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ความสัมพันธ์แบบทวิภาคีของสองประเทศสถาปนาขึ้นบนพื้นฐานของค่านิยมที่มีร่วมกัน ทั้งในด้านประชาธิปไตย สันติภาพและหลักนิติธรรม ส่งผลให้ทั้งสองประเทศมีความเชื่อมั่นมากขึ้นที่จะรับมือกับความท้าทายของโลก ซึ่งรวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสถานการณ์ในยุคหลังโควิด-19 เซนต์คิตส์และเนวิสจะให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ อาทิ องค์การสหประชาชาติ (UN) องค์การอนามัยโลก กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ฯลฯ ต่อไป
ในตอนท้ายรองนรม. เฮนลีย์ได้อวยพรประชาชนชาวไต้หวันด้วยใจจริง พร้อมขอให้ทั้งสองประเทศประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองสืบไป