ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 6 มิ.ย. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Themba Masuku รองนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรเอสวาตินี พร้อมด้วยภริยา โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ไต้หวัน – เอสวาตินี ได้ร่วมลงนาม “พิธีสารทางความร่วมมือ” ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้กระตุ้นให้ความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างสองประเทศ อาทิ เศรษฐกิจ การค้า การเกษตร การศึกษาและการแพทย์ ดำเนินไปอย่างแนบแน่นมากยิ่งขึ้น โดยในอนาคต ไต้หวันจะเร่งเสริมสร้างความร่วมมือกับเอสวาตินีและพันธมิตรระหว่างประเทศ ให้มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ตลอดจนสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่กันต่อไป
นับเป็นอีกครั้งในรอบ 10 ปีที่ รองนรม. Masuku เดินทางเยือนไต้หวัน เอสวาตินีเป็นประเทศพันธมิตรที่สำคัญของไต้หวันในทวีปแอฟริกา ซึ่งที่ผ่านมา สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (King MswatiⅢ) ได้นำคณะเดินทางเยือนไต้หวันอยู่บ่อยครั้ง โดยในปี 2018 ปธน.ไช่ฯ ก็เคยนำคณะเดินทางเยือนเอสวาตินีเช่นเดียวกัน โดยทั้งสองประเทศต่างคาดหวังที่จะแสวงหาโอกาสความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนในด้านต่างๆ ภายใต้พื้นฐานที่มีอยู่เดิม
ปธน.ไช่ฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณรองนรม. Masuku ที่เข้าร่วม “ค่ำคืนแห่งพลังสตรีในด้านเทคโนโลยี” ที่สำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันและองค์การนอกภาครัฐ (NGO) ของไต้หวัน ได้ร่วมจัดขึ้นในนครนิวยอร์กเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยรองนรม. Masuku ได้ให้การยอมรับต่อการประยุกต์ใช้พลังเทคโนโลยี ในการช่วยเสริมสร้างศักยภาพสตรี พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมให้การสนับสนุนไต้หวันในเวทีนานาชาติต่อไป
ปธน.ไช่ฯ แสดงจุดยืนว่า ไต้หวันเป็นพลังแห่งความดีงามของประชาคมโลก พวกเรามีศักยภาพและยินดีปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน พร้อมอุทิศคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลกอย่างเต็มใจ
ในลำดับถัดมาเป็นการกล่าวปราศรัยของรองนรม. Masuku เริ่มต้น รองนรม. Masuku ได้ส่งผ่านคำทักทายของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 และสมเด็จพระราชินีอินคอซิกาติ ลามัตเซบูลา ที่มีต่อปธน.ไช่ฯ และไต้หวัน โดยรองนรม. Masuku ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไต้หวันที่ให้การสนับสนุนเอสวาตินี ทั้งในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ สาธารณสุข การศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไต้หวันได้เสริมสร้างกลไกการฝึกอบรมทางวิชาชีพให้ภาคประชาชนเอสวาตินี มุ่งมั่นพัฒนาทักษะทางวิชาชีพในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ให้เกิดความชำนาญ ซึ่งสอดรับกับความต้องการบุคลากรด้านเทคโนโลยีระดับสูงของเอสวาตินี
รองนรม. Masuku ระบุว่า ไต้หวันได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางความยั่งยืนด้านพลังงานให้แก่เอสวาตินี ผ่านโครงการการติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าสีเขียวในชนบท ตราบจนปัจจุบัน มีประชากรในพื้นที่ที่เข้าถึงระบบไฟฟ้าได้กว่าร้อยละ 85 รวมไปถึงพื้นที่ชนบทอันห่างไกล โดยผลสัมฤทธิ์ข้างต้นนี้ ส่งผลให้เอสวาตินีก้าวสู่การเป็นประเทศอันดับต้นๆ ในทวีปแอฟริกาที่มีการพัฒนาที่รุดหน้า ซึ่งหากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากไต้หวัน คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้
รองนรม. Masuku ชี้แจงเพิ่มเติมว่า เอสวาตินียังได้รับความช่วยเหลือจากไต้หวันในด้านการก่อตั้งสถานพยาบาล ที่เปี่ยมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมด้วยอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์มาตรฐานสูง ซึ่งโครงการนี้ได้ตอบสนองต่อความต้องการทางประสิทธิภาพด้านการให้บริการทางการแพทย์ และมีส่วนช่วยบรรเทาความแออัดของศูนย์การแพทย์ในเอสวาตินี โดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงอึมบาบานี (Mbabane)
รองนรม. Masuku แถลงว่า ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่รุนแรง ไต้หวันได้ส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันโรคระบาดส่วนบุคคล และเครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อช่วยยื้อชีวิตของประชาชนนับพันให้รอดพ้นจากวิกฤตสุขภาพ โดยความช่วยเหลือที่ได้รับจากไต้หวัน เป็นธารน้ำใจที่ไม่เคยได้รับที่ไหนมาก่อน พวกเราจึงรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณด้วยใจจริง
รองนรม. Masuku ยังกล่าวอีกว่า วิกฤตขาดแคลนอาหารอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ส่งผลให้ฤดูกาลเก็บเกี่ยวที่เดิมสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ในปริมาณมาก กลับต้องประสบกับภาวะขาดแคลน อันเนื่องมาจากลมฝนที่พัดกระหน่ำลงมาไม่หยุดยั้ง การเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ได้ก่อให้เกิดวิกฤตความมั่นคงทางอาหารในเอสวาตินี โดยพวกเราคาดหวังที่จะเห็นไต้หวันให้การสนับสนุนเอสวาตินีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการช่วยส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการเกษตรของเอสวาตีนี สามารถก้าวข้ามความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ ด้วยเทคโนโลยีการเพาะปลูกพืชผลทางการเกษตรที่มีความยืดหยุ่นและทรหด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อยู่เหนือการควบคุมเช่นนี้
รองนรม. Masuku แสดงทรรศนะว่า ผลสัมฤทธิ์ด้านการป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน ควรค่าแก่การที่ประชาคมโลกจะร่วมเรียนรู้และนำไปประยุกต์ใช้ เมื่อเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ส่งผลต่อความมั่นคงในชีวิตและโครงสร้างพื้นฐาน ไต้หวันยังคงสามารถรับมือได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเราจึงเชื่อว่า ไต้หวันจะสามารถสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลกได้มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย โดยรัฐบาลเอสวาตินีจะร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ การประชุมระดับนานาชาติ และระบบสหประชาชาติต่อไป
รองนรม. Masuku เผยว่า รัฐบาลและภาคประชาชนชาวไต้หวันยังได้ให้ความช่วยเหลือแก่เอสวาตินี ในด้านการเตรียมพร้อมรับมือกับภัยพิบัติ และศักยภาพในการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งรวมไปถึงการส่งเสบียงอาหารให้สำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสอย่างผู้สูงอายุ ผู้ทุพพลลาภและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เป็นต้น นอกจากนี้ ความช่วยเหลือด้านสาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศและการเกษตร ที่ไต้หวันส่งมอบให้แก่เอสวาตินี ล้วนแล้วแต่สร้างความซาบซึ้งใจให้แก่รัฐบาลและประชาชนชาวเอสวาตินีเป็นอย่างมาก