คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ วันที่ 15 มิ.ย. 65
เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา สถาบัน IMD (International Institute for Management Development) แห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้ประกาศผลการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันของโลกประจำปี 2023 (IMD World Competitiveness Yearbook) พบว่า ไต้หวันอยู่ในอันดับที่ 6 จากทั้งหมด 64 ประเทศและเขตเศรษฐกิจทั่วโลก ซึ่งเป็นอันดับที่มีพัฒนาการความก้าวหน้าติดต่อกันมาเป็นเวลา 5 ปีซ้อน และถือเป็นอันดับที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา
โดย 4 ปัจจัยที่ใช้ในการจัดอันดับ ประกอบด้วย “ประสิทธิภาพของภาครัฐ” และ “ประสิทธิภาพของภาคธุรกิจ” ต่างขยับขึ้น 2 อันดับมาอยู่อันดับที่ 6 และ 4 ของโลกตามลำดับ ส่วน “โครงสร้างพื้นฐาน” ขยับขึ้น 1 อันดับ มาอยู่อันดับที่ 12 ของโลก ซึ่งเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ไต้หวันภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก สำหรับ “สมรรถนะทางเศรษฐกิจ” เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจโลก ประกอบกับในปี 2022 การขยายตัวทางเศรษฐกิจของไต้หวัน ครองสัดส่วนที่ค่อนข้างสูงกว่ามาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ด้วยหลายปัจจัยจึงทำให้ดัชนีบางประการในปีนี้ถดถอยลง แต่เนื่องจากรัฐบาลได้เร่งผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับความทรหดของเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการกระตุ้นการลงทุนในประเทศ และรักษาเสถียรภาพราคาของสินค้าอุปโภคบริโภค จึงส่งผลให้ความทรหดของเศรษฐกิจมีการยกระดับมาสู่อันดับที่ 5 และสัดส่วนเงินทุนคงที่ต่อ GDP ขยับมาสู่อันดับที่ 9
ไต้หวันมีหลายปัจจัยย่อยที่ขึ้นครอง 3 อันดับแรกของโลก โดยในจำนวนนี้ “สัดส่วนผู้ใช้เครือข่าย 4G และ 5G ในตลาด” และ “บุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาต่อประชากร 1000 คน” ต่างก็เป็นปัจจัยที่ไต้หวันถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 1 ของโลก
คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แถลงว่า ในการจัดอันดับความสามารถของการแข่งขันโลก ที่จัดทำโดยสถาบัน IMD สามารถนำมาใช้เป็นหลักอ้างอิงในการพิจารณาตรวจสอบระบบเศรษฐกิจและระบบสังคมของประเทศชาติ โดยรัฐบาลไต้หวันจะนำผลการจัดอันดับในครั้งนี้ไปเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศที่ได้รับการประเมินผลในระดับเดียวกัน เพื่อพิจารณาจัดทำแผนยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันในภาพรวมต่อไป