ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 12 ก.ค. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 12 ก.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ H.E. Santiago Peña Palacios ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐปารากวัย และภริยา โดยปธน.ไช่ฯ แถลงว่า ในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 66 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไต้หวัน – ปารากวัย การได้ร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในวาระสำคัญเช่นนี้ในไต้หวันกับผู้นำปารากวัยคนล่าสุด จึงเปี่ยมด้วยนัยยะที่สำคัญยิ่ง ปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะเห็นทั้งสองประเทศยืนหยัดอยู่ในแนวหน้าของการธำรงรักษาประชาธิปไตยและเสรีภาพ ร่วมสร้างคุณประโยชน์ด้านการพัฒนาสันติภาพและเสถียรภาพของโลกให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนร่วมสร้างความผาสุกที่เพิ่มพูนให้แก่ภาคประชาชนของ 2 ประเทศ
หลายปีมานี้ ไต้หวัน - ปารากวัย ได้สร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนในด้านต่างๆ ทั้งการแพทย์ การเสริมสร้างสิทธิสตรี รวมถึงการพัฒนาของภาคธุรกิจ เป็นต้น โดยเฉพาะในด้านการศึกษา จนปัจจุบัน มีนักศึกษาชาวปารากวัยจำนวนกว่า 300 คน ที่ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลไต้หวัน และจาก “โครงการมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไต้หวัน - ปารากวัย” (Universidad Politécnica Taiwán Paraguay, UPTP) เพื่อเดินทางมาศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่ไต้หวัน โดยในวันที่ 31 ก.ค. ที่จะถึงนี้ คณะนักศึกษาของ UPTP รุ่นที่ 1 เตรียมจะเข้าสู่พิธีการรับปริญญาแล้ว เชื่อว่าหลังจากที่นักศึกษาเหล่านี้เดินทางกลับสู่ประเทศมาตุภูมิแล้ว พวกเขาจะทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศให้เป็นไปในเชิงลึกต่อไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เรายังได้ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการไต้หวัน - ปารากวัย ในการแสวงหาโอกาสความร่วมมือทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เมื่อเดือนกรกฎาคมและกันยายนของปีที่แล้ว ไต้หวันได้ทำการรวบรวมคณะตัวแทนผู้ประกอบการเดินทางไปสำรวจโอกาสธุรกิจในปารากวัย เชื่อว่า ในอนาคต ทั้งสองประเทศจะร่วมกันสร้างโอกาสทางธุรกิจในด้านรถยนต์พลังงานไฟฟ้า การแปรรูปผลิตภัณฑ์อาหารและอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นต้น
หลายปีมานี้ ไต้หวัน - ปารากวัยได้ให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการก้าวข้ามอุปสรรคและความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 เมื่อต้องเผชิญกับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ พวกเราหวังที่จะเห็นทั้งสองประเทศยืนหยัดอยู่ในแนวหน้าของการธำรงรักษาประชาธิปไตยและเสรีภาพ ร่วมสร้างคุณประโยชน์ด้านการพัฒนาสันติภาพและเสถียรภาพของโลกให้คงอยู่ต่อไป
ในลำดับต่อมา ปธน. Peña ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยชี้ว่า การเดินทางมาเยือนไต้หวันในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงความขอบคุณด้วยใจจริงต่อปธน.ไช่ฯ และภาคประชาชนชาวไต้หวัน ที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาของประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าให้แก่ปารากวัยเสมอมา พร้อมทั้งเป็นการประกาศให้สังคมโลกรับรู้ว่า พวกเราจะยึดมั่นในค่านิยมและเป้าหมายที่มีร่วมกันอย่างหนักแน่น และจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันจากประเทศภายนอกอย่างเด็ดขาด
ปธน. Peña ชี้อีกว่า เดิมที ปารากวัยเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งพวกเราคาดหวังที่จะพลิกฟื้นความยิ่งใหญ่เมื่อครั้งอดีตให้กลับมาอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ ปารากวัยเคยทำสงครามกับอาร์เจนตินา บราซิลและอุรุกวัย จึงทำให้ตลอดระยะเวลา 150 ปีที่ผ่านมา การพัฒนาในประเทศเกิดการหยุดชะงัก อีกทั้งยังต้องสูญเสียดินแดนกว่าร้อยละ 60 รวมถึงประชากรชายกว่าร้อยละ 90 ให้แก่ประเทศอื่น โดยปธน. Peña คาดหวังที่จะนำพาปารากวัยมุ่งสู่เส้นทางแห่งความมั่งคั่ง ขจัดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และร่วมสร้างคุณประโยชน์ที่เพิ่มพูนมากขึ้นให้แก่ประชาคมโลก และได้รับความสนใจจากนานาชาติมากขึ้นต่อไป
ปธน. Peña กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ผู้สมัครลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีปารากวัยจากพรรคโคโลราโด (Colorado Party) ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยคะแนนเสียงสนับสนุนที่สูงเป็นประวัติการณ์ จึงทำให้ปธน. Peña ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไป นอกจากนี้ พรรคโคโลราโดยังสามารถครองที่นั่งส่วนใหญ่ในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งสมาชิกพรรคฯ ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอีกหลายคนด้วยเช่นกัน
ปธน. Peña เผยว่า ปารากวัยเป็นประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกาที่มีเครดิตทางการเงินดีที่สุด และได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมทางการลงทุนที่ดีเยี่ยม สภาพเศรษฐกิจโดยภาพรวมของปารากวัยถือว่าอยู่ในอันดับต้นๆ ในภูมิภาคและระดับโลก โดยที่อัตราเงินเฟ้อและภาระหนี้สาธารณะของปารากวัย ต่างก็อยู่ในอัตราที่ต่ำกว่าประเทศรายรอบ รัฐบาลปารากวัยมีความกระตือรือร้นในการพัฒนาประเทศชาติ และอัดฉีดเงินทุนสนับสนุนเข้าสู่หน่วยงานภาครัฐอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ปารากวัยก็ยังมีความท้าทายที่ต้องฝ่าฟันอีกมากมาย
ปธน. Peña ย้ำว่า พวกเรามุ่งมั่นที่จะขจัดความยากจน การที่ประเทศมีการพัฒนาทางอุตสาหกรรมการเกษตรในระดับดีเยี่ยม และอุดมไปด้วยเสบียงอาหารและผลผลิตทางการเกษตร แต่ประชาชนกลับตกอยู่ท่ามกลางสภาวะความยากจน เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล จึงหวังที่จะสร้างกลไกการดูแลทางการแพทย์และสาธารณสุข การศึกษาและโอกาสการพัฒนาในอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้แก่กลุ่มเยาวชนและกลุ่มคนวัยทำงานในปารากวัย เฉกเช่นเดียวกับการพัฒนาในยุคเริ่มแรกของไต้หวัน เชื่อว่าจะเป็นการปูรากฐานให้มีการพัฒนาไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศชาติในภายหน้าต่อไป
ปธน. Peña คาดหวังอีกว่า จะได้เห็นโอกาสในการสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 500,000 ตำแหน่งในอีก 5 ปีข้างหน้า จากการลงทุนของผู้ประกอบการภายในประเทศและการลงทุนจากต่างชาติ นอกจากนี้ รัฐบาลปารากวัยยังจะมุ่งมั่นสร้างหลักประกันการอยู่อาศัยอย่างเท่าเทียม ให้แก่ภาคประชาชนถ้วนหน้า โดยปธน. Peña ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไต้หวัน ที่ตลอดหลายปีมานี้ได้ให้ความช่วยเหลือแก่ปารากวัยในโครงการผลักดันเคหสถานภาครัฐ โดยโครงการก่อสร้างเคหสถานเหล่านี้ ก็เป็นการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพให้แก่ภาคประชาชนในพื้นที่ด้วยเช่นกัน
ปธน. Peña หวังที่จะเห็นความสัมพันธ์แบบทวิภาคี ก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการพัฒนาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยจะมุ่งมั่นในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการชาวไต้หวันเห็นว่า การลงทุนในปารากวัยมิใช่เป็นเพียงการขานรับต่อเป้าหมายทางการทูตหรือเหตุผลทางการเมืองเท่านั้น แต่สามารถเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในด้านเศรษฐกิจและการค้าได้อย่างแท้จริง
โดยในวันเดียวกันนี้ นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ก็ได้ให้การต้อนรับแก่ปธน. Peña และภริยา พร้อมกล่าวว่า ไต้หวัน - ปารากวัย ต่างยึดมั่นในค่านิยมด้านประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนระหว่างกัน อีกทั้งยังมีบทบาทที่สำคัญด้านการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ในอนาคต ไต้หวันหวังที่จะประสานความร่วมมือกับปารากวัย ทั้งในด้านการเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ และการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก เพื่อสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ทั้งสองประเทศ ตลอดจนสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลกร่วมกันสืบต่อไป
รองปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ไต้หวันยินดีที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์ด้านสาธารณสุข การแพทย์ การศึกษาและการพัฒนาทางอุตสาหกรรม เพื่อเป็นประโยชน์แก่ปารากวัย พร้อมทั้งจะยื่นเสนอแนวทางการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมให้แก่ปารากวัยด้วย
ในด้านการส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน – ปารากวัย รองปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ไต้หวันได้ก้าวสู่การเป็นตลาดส่งออกเนื้อวัวอันดับ 2 ของปารากวัย และเป็นตลาดส่งออกเนื้อหมูอันดับ 1 ของปารากวัย โดยในอนาคต ไต้หวันจะยังคงจัดซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากปารากวัยอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจะช่วยขยายช่องทางการประชาสัมพันธ์สินค้าการเกษตรของปารากวัย ไปสู่ประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมและกันยายนของปีที่แล้ว ไต้หวันได้จัดคณะตัวแทนผู้ประกอบการเดินทางไปสำรวจโอกาสการลงทุนในปารากวัย โดยกลุ่มผู้ประกอบการไต้หวันหวังที่จะประสานความร่วมมือกับปารากวัยในด้านต่างๆ อาทิ รถยนต์พลังงานไฟฟ้า พลังงานสีเขียวและอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป้นต้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคี ในเชิงลึกระหว่างกันต่อไป
ปธน. Peña ประกาศจุดยืนอย่างหนักแน่นว่า ตนจะให้การสนับสนุนความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - ปารากวัยอย่างหนักแน่น ไม่ว่าจะในประเทศหรือในองค์การระหว่างประเทศก็ตาม เนื่องจากความสัมพันธ์แบบทวิภาคี มีส่วนเกี่ยวพันกันในด้านการเมือง เศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ ปธน. Peña ยังหวังที่จะแสดงให้ทุกฝ่ายได้ประจักษ์ถึงความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัดของปารากวัย พร้อมทั้งเรียนรู้แนวทางการพิชิตอุปสรรคจากไต้หวัน และมุ่งสู่เป้าหมายที่ก้าวข้ามกรอบจำกัดของตนเองอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการยกระดับให้ก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว พร้อมหวังว่าเหล่าผู้ประกอบการไต้หวันจะเห็นถึงโอกาสความเป็นไปได้ทางธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัดของการลงทุนในปารากวัย ซึ่งรัฐบาลปารากวัยจะสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมด้านการลงทุน และมอบสิทธิประโยชน์ที่เอื้ออำนวยให้แก่ผู้ประกอบการชาวไต้หวันอย่างเต็มที่ต่อไป