กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 13 ก.ค. 66
ในระหว่างวันที่ 7 – 9 ก.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดกิจกรรมเยี่ยมชมสถานประกอบการด้าน “อุตสาหกรรมการบินและอวกาศเพื่อการป้องกันประเทศ” โดยมีคณะตัวแทนที่เป็นเหล่าทูตานุทูตจาก 25 ประเทศเข้าร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งมีนายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) พร้อมด้วยภริยา และนายหลี่ฉุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไต้หวัน ร่วมเดินทางเยือนนครเกาสงและเมืองผิงตง เพื่อทำความเข้าใจในเชิงลึกต่อศักยภาพด้านนวัตกรรมของ “อุตสาหกรรมการบินและอวกาศเพื่อการป้องกันประเทศ” ในไต้หวัน โดยเหล่าทูตานุทูตต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้รับประโยชน์จากการเยี่ยมชมภาคเอกชนของไต้หวันในครั้งนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นโอกาสทางความร่วมมือของหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการแบบทวิภาคี โดยเหล่าทูตานุทูตต่างหวังจะเข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในภายภาคหน้า เพื่อทำความเข้าใจกับศักยภาพที่เปี่ยมล้นของภาคอุตสาหกรรมของไต้หวันอย่างใกล้ชิดด้วย
กต.ไต้หวันหวังว่า การเดินทางไปยังสถานที่จริงในครั้งนี้ จะสร้างความเข้าใจในเชิงลึกต่อสถานการณ์ความคืบหน้าในการสร้างเครื่องบินรบและเรือรบ รวมถึงอากาศยานไร้คนขับ และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AR / VR ในไต้หวัน ให้เป็นที่ประจักษ์แก่คณะตัวแทนและเหล่าทูตานุทูต เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินและอวกาศเพื่อการป้องกันประเทศของไต้หวัน พร้อมหวังว่าจะเป็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมระดับนานาชาติในภายภาคหน้าต่อไป
โดยรมว.อู๋ฯ ใช้โอกาสนี้ เรียกร้องให้คณะทูตานุทูตจากนานาประเทศ ร่วมส่งเสริมการจับคู่ทางธุรกิจและสร้างโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศให้กับอุตสาหกรรมที่เปี่ยมด้วยคุณภาพของไต้หวัน และทำให้ผู้ประกอบการไต้หวันได้รับความสนใจจากนานาชาติ พร้อมทั้งคาดหวังที่จะกระตุ้นการแลกเปลี่ยนทางธุรกิจระหว่างประเทศ สร้างความเชื่อมโยงระหว่างผู้ประกอบการไต้หวันและผู้ประกอบการนานาชาติ นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังหวังที่จะเห็นเหล่าผู้ประกอบการไต้หวัน เร่งสร้างให้ไต้หวันก้าวขึ้นสู่การเป็นอาณาจักรแห่ง “อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ” และ “อุตสาหกรรมกลาโหม” ภายใต้การผลักดันนโยบาย “ยุทธศาสตร์ 6 อุตสาหกรรมหลักของไต้หวัน” และ “แผนนวัตกรรมอุตสาหกรรม 5+2” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในยุคหลังโควิด – 19 และเพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างประเทศ