ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 25 ส.ค. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 ส.ค. ที่ผ่านมา ทำเนียบประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานแถลงข่าวเพื่อประกาศว่า ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) มีกำหนดการนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนราชอาณาจักรเอสวาตินี ในช่วงระหว่างวันที่ 5 – 8 ก.ย. ที่จะถึงนี้ โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะบรรลุภารกิจหลัก 2 ประการในระหว่างการเดินทางเยือนในครั้งนี้ ได้แก่ “ร่วมเฉลิมฉลองมิตรภาพระหว่างสองประเทศ” และ “การส่งเสริมความร่วมมือที่ยั่งยืนระหว่างกัน”
นายหลินอวี้ฉาน โฆษกประจำทำเนียบปธน. กล่าวว่า เอสวาตินีเป็นประเทศพันธมิตรที่แข็งแกร่งของไต้หวันในภูมิภาคแอฟริกา ซึ่งตลอดที่ผ่านมา เอสวาตินีได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในเวทีนานาชาติเสมอมา และให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในองค์การระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ ทั้งสองประเทศได้ประสานความร่วมมือกันอย่างแนบแน่นในด้านต่างๆ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน การแพทย์สาธารณสุข การศึกษา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมถึงการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร เป็นต้น ซึ่งนับตั้งแต่ปีค.ศ. 1986 ที่สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (H.M. King Mswati Ⅲ) ขึ้นครองราชย์เป็นต้นมา ได้มีการนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันแล้วเป็นจำนวนกว่า 18 ครั้ง เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างใกล้ชิดและราบรื่น
โฆษกหลินฯ กล่าวว่า ปีนี้ประจวบกับเป็นวาระครบรอบ 55 ปีที่ไต้หวันและเอสวาตินี สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และเป็นวาระครบรอบ 55 ปีแห่งการประกาศเอกราชของเอสวาตินี อีกทั้งยังเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 55 พรรษา เนื่องด้วยสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ได้ทรงเชิญชวนปธน.ไช่ฯ ให้เดินทางไปเข้าร่วมการเฉลิมฉลองอย่างกระตือรือร้น ปธน.ไช่ฯ จึงตัดสินใจนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนเอสวาตินี ในช่วงระหว่างวันที่ 5 – 8 ก.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ไต้หวันมีต่อประเทศพันธมิตรแล้ว พวกเรายังคาดหวังที่จะอาศัยโอกาสนี้ ในการสร้างความสัมพันธ์ทางความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างกันในเชิงลึก ตลอดจนทำความเข้าใจต่อความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือต่างๆ ระหว่างสองประเทศ ทั้งในด้านการแพทย์สาธารณสุขและการเสริมสร้างศักยภาพสตรี
โฆษกหลินฯ ชี้ว่า สมาชิกคณะตัวแทนที่ร่วมเดินทางเยือนในครั้งนี้ ประกอบด้วย นางหวังเหม่ยฮัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ นางสวีเจียชิง ประธานคณะกรรมการกิจการชาวจีนโพ้นทะเล นายเฉินฉีม่าย ผู้ว่าการนครเกาสง นายจางฉุนหาน รองเลขาธิการทำเนียบปธน. และนายหลี่ฉุน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะมีการเชิญสมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรคฝ่ายค้าน ร่วมเดินทางเยือนในครั้งนี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติแบบดั้งเดิม ตลอดจนได้เชิญสื่อมวลชนให้ร่วมเดินทางในจำนวนจำกัดด้วย
โฆษกหลินฯ ชี้แจงว่า แม้ว่าสถานการณ์โรคโควิด – 19 ทั่วโลกจะทุเลาลงมากแล้ว แต่เพื่อปกป้องความมั่นคงทางสุขภาพของคณะตัวแทน พวกเราจะยังคงปฏิบัติการตามแผนป้องกันโรคระบาดอย่างเคร่งครัดในระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เพื่อบรรลุมาตรการป้องกันโรคระบาดและกลไกการดูแลสุขภาพ
ในลำดับต่อไป รมช.หลี่ฯ ได้ชี้แจงตารางการเดินทางในครั้งนี้ โดยรมช.หลี่ฯ แถลงว่า การเดินทางเยือนของปธน.ไช่ฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 55 ปีของการประกาศเอกราชของเอสวาตินี และเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แล้ว ปธน.ไช่ฯ ยังจะเข้าร่วมหารือกับสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 และ H.M. Queen Mother Ntombi Tfwala สมเด็จพระบรมราชชนนี ตลอดจนร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินี โดยหลังเสร็จสิ้นพิธีฯ คณะตัวแทนยังมีกำหนดการเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารที่สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ทรงเป็นเจ้าภาพและเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองที่จัดขึ้นโดยกลุ่มประชาชนชาวไต้หวันที่พำนักอาศัยอยู่ในเอสวาตินีและพื้นที่ทางใต้ของภูมิภาคแอฟริกา ซึ่งปธน.ไช่ฯ จะใช้โอกาสนี้ เข้าตรวจการณ์ผลสัมฤทธิ์ความคืบหน้าในโครงการความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ทั้งในด้านการแพทย์สาธารณสุขและการเสริมสร้างศักยภาพสตรี พร้อมทั้งเข้าเยี่ยมชมแผนกฉุกเฉิน และอาคารผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล Mbabane Government Hospital (MGH) นอกจากนี้ ปธน.ไช่ฯ และคณะตัวแทนยังมีกำหนดการเข้าเยี่ยมชมการให้บริการของเหล่าบุคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ไทเป (Taipei Medical University Hospital) จัดส่งไปประจำในพื้นที่ด้วย
ต่อประเด็นที่สื่อซักถามว่า เหตุใดสมาชิกคณะตัวแทนที่ร่วมออกเดินทางในครั้งนี้ ยังรวมถึงนายเฉินฉีม่าย ผู้ว่าการนครเกาสง รมช.หลี่ฯ ตอบว่า ความสัมพันธ์ทางความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินี นอกจากรัฐบาลกลางแล้ว ยังมีการผลักดันความสัมพันธ์ทางความร่วมมือเชิงลึกในส่วนของรัฐบาลท้องถิ่นอีกด้วย การที่ผู้ว่านครเกาสงเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งในคณะตัวแทนครั้งนี้ มีสาเหตุอันเนื่องมาจากการที่นครเกาสง - กรุงอึมบาบานี เมืองหลวงของเอสวาตินี อยู่ในระหว่างการจัดตั้งโครงการผูกสัมพันธ์เป็นเมืองพี่เมืองน้องระหว่างกัน ภายใต้โครงการข้างต้นนี้ พวกเราคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองพื้นที่มุ่งมั่นสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกในด้านความร่วมมือทางการศึกษาและการแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชน
ส่วนกรณีที่สื่อมวลชนชี้ว่า การเดินทางเยือนประเทศพันธมิตรของผู้นำไต้หวันในครั้งนี้ มีนัยยะแอบแฝงใดๆ เกี่ยวกับการที่นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ 5 สมาชิกกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว (BRICS) ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมาหรือไม่ รมช.หลี่ฯ ตอบรับว่า ตารางการเดินทางเยือนของปธน.ไช่ฯ ในครั้งนี้ เนื่องจากตั้งแต่ที่เอสวาตินีประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 6 ก.ย. เป็นต้นมา ก็ได้กำหนดให้วันที่ 6 ก.ย. ของทุกปีเป็นวันชาติ ดังนั้น การที่ปธน.ไช่ฯ มีกำหนดออกเดินทางในวันที่ 5 ก.ย. ก็เพื่อต้องการเดินทางไปเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองในวันที่ 6 ก.ย. เท่านั้น โดยมิได้มีนัยยะแอบแฝงใดๆ และเป็นเพียงความบังเอิญที่ช่วงเวลาตรงกันพอดีเท่านั้น