กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 2 ก.ย. 66
เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมผ่านการบันทึกวิดีทัศน์ล่วงหน้าในการประชุมสมาชิกของการประชุมสมัชชาของ “กลุ่มพันธมิตรจีนของสมาชิกรัฐสภาข้ามชาติแห่งภูมิภาคยุโรป” (Inter-Parliamentary Alliance on China, IPAC) ที่จัดขึ้นในกรุงปราก โดยรมว.อู๋ฯ ได้บรรยายเกี่ยวกับภัยคุกคามอย่างรุนแรงต่อพันธมิตรด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพทั่วโลก ที่เกิดจากการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการจากรัสเซียและจีน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาคมโลกให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเต็มที่ ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ให้คงอยู่ต่อไป
รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า นับตั้งแต่ที่รัสเซียเข้ารุกรานพื้นที่จอร์เจียและไครเมีย รวมถึงยูเครน จีนก็อาศัยวิธีการสร้างแรงกดดันเพื่อเข้าควบคุมมณฑลซินเจียง ทิเบตและฮ่องกง พร้อมทั้งคุกคามไต้หวันด้วยกำลังทหารอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงวัตถุประสงค์ในการแผ่ขยายอิทธิพลของลัทธิอำนาจนิยม ซึ่งมีเพียงการประสานความร่วมมือระหว่างกลุ่มประเทศประชาธิปไตยเท่านั้น จึงจะสามารถสกัดกั้นการเข้ารุกรานของอำนาจเผด็จการได้ ด้วยเหตุนี้ ไต้หวันจึงให้การสนับสนุนการสกัดกั้นการรุกรานในยูเครนอย่างหนักแน่น พร้อมทั้งประกาศใช้มาตรการคว่ำบาตรและประณามรัสเซียไปพร้อมกับประชาคมโลก นอกจากนี้ จีนยังสร้างวิกฤตความท้าทายในพื้นที่โดยรอบในพื้นที่ทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ รวมถึงแสดงความคุกคามต่อญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์ โดยรมว.อู๋ฯ ยังอาศัยโอกาสนี้ชื่นชมการประสานความร่วมมือ ระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและฟิลิปปินส์ ในการสกัดกั้นพฤติกรรมความท้าทายจากจีน
รมว.อู๋ฯ ย้ำว่า พลังแห่งการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการของทั้งรัสเซียและจีนได้มาบรรจบกันในพื้นที่ภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสร้างภัยคุกคามทางความมั่นคงต่อกลุ่มประเทศในภูมิภาค ส่งผลให้ความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกติกาสากล เกิดภาวะสั่นคลอน ซึ่งกลุ่มประเทศลัทธิอำนาจนิยมเหล่านี้ ต้องการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบัน (status quo) ให้เป็นไปตามความต้องการของตนเพียงฝ่ายเดียว ถือเป็นการสร้างวิกฤตต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน
รมว.อู๋ฯ ชี้อีกว่า สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน มีความสำคัญต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองระดับโลก โดยรมว.อู๋ฯ ยังเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความทะเยอทะยานในการแผ่ขยายอิทธิพลของจีน ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาสถานภาพเดิมที่เปี่ยมด้วยเสถียรภาพ ที่พวกเรามุ่งแสวงหา ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม ดังตัวอย่างของ H.E. Emmanuel Macron ประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส ที่ได้ประกาศบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการก่อตั้งกองทัพกลาโหม ในระยะเวลา 7 ปี ; สาธารณรัฐเช็กได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์อินโด – แปซิฟิก ; ส่วนลิทัวเนียได้ทำการชี้แจงในแผนยุทธศาสตร์อินโด - แปซิฟิกว่า การใช้กำลังอาวุธทางทหาร ถือเป็นเส้นแดงที่ไม่สามารถล่วงล้ำได้
รมว.อู๋ฯ ขอบคุณสมาชิก IPAC และหุ้นส่วนจากประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ที่ให้การสนับสนุนไต้หวัน ทำให้ไต้หวันรู้สึกไม่โดดเดี่ยว ในระหว่างที่ต้องรับมือกับอำนาจเผด็จการ และยืนหยัดในการธำรงรักษาเสรีภาพ ประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการเป็นพลังแห่งความดี โดยในช่วงท้าย รมว.อู๋ฯ ยังได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อธำรงรักษาค่านิยมที่ยึดมั่นร่วมกัน และความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป